ผู้สนับสนุน

วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เขาจับและสอบผมยังไง ผมสวนกลับDSIยังไง


นี่ เป็นเศษเสี้ยวหนึ่ง ของเหตุการณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยคนธรรมดาคนหนึ่ง ด้วยวิธีธรรมดา ซึ่งก็แสดงให้เห็นแล้วว่า แม้แต่วิธีธรรมดาเช่นนี้ ในประเทศนี้ก็ไม่มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
เขาจับผมยังไง ตอนที่ 1 เรื่องจริงจาก ปรวย salty head

ปลายเดือนพฤษภาคม

วันนี้ตั้งใจขับรถออกไปซื้ออะหลั่ยจักรยาน เพื่อจะทำรถให้ดี อยากขี่ไปต่างจังหวัด
กะว่าจะตลุยเหนือ อีสาน ขี่จักรยานไปคุยกับพี่น้องที่บอบช้ำกลับไปจากการชุมนุม
อยากไปถ่ายรูปเผื่อมาทำสารคดี เพื่อให้ชาวบ้านมีพื้นที่ในการพูดบ้าง

กินข้าวอาบน้ำเสร็จ ราวบ่ายโมงกว่าๆ ขับรถออกไปจากหมู่บ้าน

ออกไปได้ไม่ไกล เรียกว่าแถวหน้าหมู่บ้านนั่นแหละ
มีรถคันนึงกำลังกลับรถอยู่ข้างหน้า ทำให้รถคันข้างหน้าผมติดคาอยู่

ปรากฏว่าผู้หญิงคนที่กำลังกลับรถ กลับจอดรถลงมาเปิดฝากระโปรงหน้า
ผมนึกในใจอ้าวรถเสียนี่หว่า แถมจอดคาถนนด้วยสงสัยแบ็ตฯหมด

นึกได้ว่าในรถผมมีสายชาร์ท กำลังจะขยับรถเบี่ยงออกซ้าย เพราะเห็นรถคันหน้าผมจอดเฉยๆ
กลับมีรถทางซ้ายวิ่งขึ้นมาด้านข้างรถผม ทำให้ขยับไม่ได้ นึกด่าในใจ
ไอ้ห่าจะไปช่วยเข้าชาร์ทแบ๊ตเสืออกมาขวาง ผมขยับจะเปิดประตู

ก็มีชายวัยประมาณ 50 ใส่สูทเดินมาข้างรถ ตอนแรกนึกว่าคนบ้า
เพราะอากาศร้อนขนาดนี้เสือกใส่สูทกลางถนน แต่ที่ไหนได้ ชายคนนี้เปิดด้านในเสื้อให้ดู
มีปักคำว่า DSI ! จึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ผมไขกระจกลง ชายคนนั้นถามว่าปรวยใช่มั๊ย ผมคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะปฏิเสธ
และผมเคยคิดไว้แล้วว่าถ้าโดนจับ ผมจะไม่แถแน่ๆ แต่จะพูดความจริง

ผมบอกใช่ ชายคนนั้นบอกขอเข้าไปคุยในรถ ผมบอกงั้นเดี๋ยวผมเรียกทนาย
ชายคนนั้นรีบบอก อ๋อนี่จะเอาแบบ formal (เป็นทางการ) ใช่มั๊ย?

ผมเปิดประตูให้เขามานั่งในรถ เขาเอาหมายค้นให้ดู

ผมดู ศาลแม่งขยันฉิบหายอออกหมายค้นให้วันอาทิตย์ (วันที่เขามาจับผมวันจันทร์ที่ 31 )
ชายคนนั้นถามผมว่า ผมไปโพสต์รูปอะไรในเว็บ ตอนนั้นผมนึกว่าเขาหมายถึงภาพตัดต่อ

แว็บแรกผมนึกถึงรูปลิง ซึ่งผมคิดว่าถ้าเป็นกฏหมายหมิ่น รูปอะไรแบบนั้นน่าจะเข้าข่าย
นั้นทำให้ผมมั่นใจว่า ผมไม่เคยโพสรูปแบบนั้นแน่ๆ ผมเลยบอกไปว่าไม่มีอ่ะ ผมไม่เคยโพสรูป

เดี๋ยวตอนหลังผมจะเฉลยว่าเขาหมายถึงรูปอะไร ท่านทั้งหลายคอยกลั้นหัวเราะให้ดีก็แล้วกัน

เขาบอกผมอีกว่าคุณทำผิดเรื่องความมั่นคง ผมเลยฟิวส์ขาดแต่เก็บอารมณ์ไว้ได้หน่อยนึง
เลย สวนไปว่าความมั่นคงบ้าอะไรของพวกคุณ คุณแม่งเอาความมั่นคงของประเทศชาติไปผูกไว้กับครอบครัวครอบครัวเดียว แบบนั้นไม่ใช่ความมั่นคงของประเทศ ตำรวจนายนั้นเลยชะงักไปหน่อย
ผมคิดว่าเขาคงนิดในใจว่า งานนี้ไม่หมูแน่ๆ

จากนั้นเขาบอกให้ผมกลับเข้าไปในบ้าน ให้แกล้งบอกยามว่ามาปาร์ตี้กัน เดี๋ยวจะมีรถเจ้าหน้าที่
ตามมาอีกสี่ห้าคัน ผมถึงรู้ว่าไอ้รถที่รายล้อมผมอยู่นั้นเป็นรถ DSI ทั้งหมด

ตอนนั้นผมนึกในใจ ไอ้เห ี้ยนี่กูคงไปฆ่าใครตายมั้ง แม่งถึงแห่กันมาขนาดนี้

ถึงบ้านตอนแรกผมก็ยังกวนตีนอยู่ บอกยังไม่ให้เข้าบ้าน เดี๋ยวจะเรียกทนาย
ตอนนั้นผมโมโหมาก เลยโวยวายไปว่าอ้อนี่เห็นว่ามีอำนาจจาก พรก.
เลยจะใช้ปืนกดหัวประชาชนหรือไงวะ บอกให้ก็ได้ผมไม่ได้โง่ ไม่ใช่ตาสีตาสานะ

เจ้าหน้าที่ผู้หญิงรับบอกว่าไม่มี ไม่มีใครมีปืน
เบ็ดเสร็จผมนับคร่าวๆ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่มาที่บ้านผม ประมาณราวๆ เกือบยี่สิบคน
ไอ้เห ี้ยนี่กูคงไปฆ่าใครตาย จริงๆแน่เลย ทำไมกูไม่รู้วะ?!?

หลังจากนั้นแม่กับป้าก็บอกให้ผมใจเย็นๆ ผมเลยเย็นลง เลยเอ้า อยากค้นอะไรก็ค้นไปตามสบาย
เจ้าหน้าที่ก็เริ่มค้นในรถในบ้าน โดยมีผมตั้งใจเดินกวนตีนตามตลอด ซึ่งมันก็น่าจะกวนตีน

เขาถามหาโน้ตบุ๊คผม ผมก็พาขึ้นไปบนห้อง ให้ไปทั้งตัวเก่าและตัวใหม่

บน ห้องนอนผมจะมีชั้นหนังสือสูงจากพื้นจรดเพดานเต็มผนัง อัดแน่นไปด้วยหนังสือพ๊อคเก็ตบุ๊คและดีวีดี ซึ่งก็เป็นที่สนใจของเจ้าหน้าที่ DSI ตัวหัวหน้าคนที่เข้าชาร์จผมคนแรกในรถ ไปเห็นหนังสือ การปฏิวัติฝรั่งเศสสามเล่ม

2 เล่มเป็นของอาจารย์จรัล ดิษฐาอภิชัยเขียน อีกเล่มเป็นของหม่อมเจ้าอทิตยาฯ อะไรสักอย่างผมลืมชื่อไป แกก็ดูตื่นเต้นบอกนี่ไงๆ ผมบอกอะไรนี่มัน พศ. สองห้าห้าสามนะครับ ไม่ใช่สองห้าหนึ่งเก้า จะได้มีความผิด หนังสือแบบนี้เขาขายกันทั่วไป แกก็หัวเราะบอกว่าเปล่าไม่มีอะไร แกบอกลูกน้องให้เอาไปด้วยเพื่อจะได้รู้แนวคิด ! แต่ลูกน้องก็ลืมหยิบไป

ขณะที่เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ กำลังค้นของอยู่นั้น ตัวหัวหน้าและอีกคนก็พยายามคุยกับผมดีๆ ผมก็คุยดี
แต่ผมก็พูดตรง เพราะโอกาสแบบนี้คงไม่มีบ่อยนักที่ผมจะได้พูดตรงๆกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง

แก บอกว่าอ่านหนังสือเยอะนะ ผมบอกครับก็เพราะผมอ่านเยอะไง ผมถึงรู้อะไรเยอะ รู้ว่าอะไรถูกอะไรไม่ถูก รู้ว่าทำไมตอนนี้มันถึงสองมาตรฐาน รู้ว่าทำไมตอนยึดทำเนียบปิดสนามบิน ไม่มีใครทำอะไร

มาตอนนี้แม่งไล่ฆ่าประชาชน ตำรวจหัวหน้าแกก็หัวเราะแล้วหันมาพยักเพยิดกับผมบอกว่าเนอะ
ตอนนั้นตายสองคนตำรวจโดนสอบ ตอนนี้ตายแปดสิบกว่าคนไม่เป็นไร

ผมไม่รู้แกพูดเพื่อให้ผมรู้สึกมีพวกหรือแกรู้สึกจริงๆผมก็ไม่ทราบได ้ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจ

พอลงมาข้างล่างมาที่โต๊ะทำงาน คราวนี้หนังสือบนโต๊ะยิ่งเป็นที่สนใจของ DSI มากขึ้น
4-5 เล่มที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นล้วนเป็นหนังสือของท่านปรีดีทั้งสิ้น

เท่าที่จำได้เล่มนึงเป็นเค้าโครงเศรษฐกิจของท่านปรีดี ผมกำลังสนใจเรื่องนี้
สนใจเรื่องสวัสดิการสังคมที่ท่านคิดมาตั้งแต่ก่อนปี 2500 แต่กลับถูกหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์
ผมว่ากำลังจะหาแง่มุมมาทำสารคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำแบบให้เข้าใจง่ายๆ ไม่ต้องปีนกะไดฟัง
ปีนกะไดดู

อีกเล่มก็เป็นของคุณสุพจน์ด่าน ตระกูล เขียนเรื่องปรีดีหนี ส่วนอีก 2- 3 เล่มจำไม่ได้
แต่ทั้งหมดนั้นก็ถูกเจ้าหน้าที่รวบไป เลยได้ทีผมกวนตีนอีก

ผมพูดแบบหัวเราะเยาะเย้ยเช่นเดิมว่า เฮ้ยหนังสือปรีดีนี่เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้ขายกันใต้ดินแล้วนะ
ไปงานสัปดาห์หนังสือนี่วางขายกันเยอะเลยนะ ประมาณนี้ที่ผมพูด


เมื่อ ได้ของจนพอใจ (จริงๆเจ้าหน้าที่ก็กวาดสาดๆไป ซีดีบนโต๊ะที่พวกคนทำงานกับผมเอางานมาส่งก็กวาดไปด้วย สงสัยจริงๆว่าจะเปิดดูทุกแผ่นหรือเปล่า)

จากนั้นก็ให้ผมเซ็นรับ ปิดผนึกอย่างดี บอกว่าจะเปิดก็เมื่อเปิดต่อหน้าผมเท่านั้น
เอาของไปเก็บไว้แล้วจะนัดผมไปเปิดซองตรวจของกันทีละชิ้น ผมก็เซ็นๆไป

แต่ ผมบอกว่า โน๊ตบุ๊คของน้องสาวผมไม่เกี่ยวช่วยกรุณาเอามาคืนเขาไวๆด้วย เพราะเขาไม่เกี่ยวและจริงๆก็ไม่ควรเอาไปด้วย แต่ตำรวจหัวหน้ารีบบออกว่าไม่ได้ต้องเอาคอมไปให้หมดเพื่อตรวจสอบ

โชคดีผมไม่ได้บอกว่าผมมีเครื่อง Imac รุ่นแรก กับ mac LCII รุ่นจอขาวดำที่ผมเก็บสะสมอยู่ด้วย
ถ้าบอกคาดว่าแกคงให้ลูกน้องเอาไปด้วย

จากนั้นเขาก็บออกให้ผมไปที่ DSI ผมถามว่าจะควบคุมตัวผมเลยหรือไม่ ผมจะได้เตรียมตัว

เจ้า หน้าที่รีบบอกว่าเปล่าแค่ไปสอบสวน ขับรถไปได้เลยเอาแม่ไปด้วย ผมบอกแถวนั้นมันหลายประตูผมกลัวเข้าไม่ถูกถ้าเลยแล้วกลับรถไกล ให้ตำรวจมานั่งรถผมคนนึงจะได้คอยบอกทาง

ตำรวจนายนึงที่ดูท่าทางเป็นมิตรก็ขึ้นมานั่งรถผม

จริงๆ ระหว่างตรวจค้นในบ้านตำรวจก็พยายามคุยเรื่องทั่วไป ผมเข้าใจว่าคงเพื่อให้ผมผ่อนคลายและรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้จะทำร้ายอะไร ซึ่งดูของทุกอย่างในบ้านผมจะเป็นที่สนใจของตำรวจไปหมด

ไม่ว่าจะเป็น แผ่นเสียง เครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องเสียง ตำรวจบางนายถามผมว่าชอบฟังเพลงอะไร ผมบอกว่าชอบฟังแจ๊ซ แกก็บอกเออผมก็ชอบ วันหลังมาขอฟังบ้างเพราะแกก็เล่นเครื่องเสียง บางคนเห็นจักรยานผมก็สนใจผมก็อธิบายให้ฟังว่าจักรยานที่มันแพงๆหน่อยมันดี กว่าจักรยานธรรมดายังไง บรรยากาศช่วงนี้เหมือนเพื่อนมาปาร์ตี้ที่บ้านจริงๆ

ช่วงหน้ามาดูว่า เขาสอบสวนผมยังไง หรือมาดูว่าใครสอบสวนใคร
โปรดคอยติดตามด้วยความระทึกในหทัยพลัน
(ขอยืมสำนวนหน่อยนะครับ มติชน ฮา)


********

ตอนที่ 2 เขาสอบสวนผมยังไง

หลังจากขับรถมาถึงที่ตึก DSI แล้วเจ้าหน้าที่ก็พาผมขึ้นไปข้างบน

ตอน แรกเขาให้ไปที่ห้องหัวหน้า ผมก็ไปยืนรออยู่หน้าห้อง เจ้าหน้าที่ก็แยกย้ายไปตามห้องตัวเอง ผมไม่รู้จะไปไหน ยืนเก้ๆกังๆอยู่ตรงนั้น ไม่รู้จะทำอะไร ผมเลยยืนมองวิวข้างนอก

ฝน กำลังจะตกเมฆตั้งเค้าทะมึนดำทั่วท้องฟ้า แต่ที่ขอบฟ้าด้านหน้าผมกลับมีแสงส่องทะลุเมฆดำลงมาเป็นลำ สวยอย่างประหลาด ผมควักกล้องดิจิตอลตัวเล็กที่พกไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาถ่ายรูป สักพักเจ้าหน้าที่ก็เดินมา เขาเห็นผมกำลังถ่ายรูปอยู่ เขาถามว่าถ่ายอะไร ผมบอกเมฆ สวยดี มันมีแสงส่องลงมาเป็นลำ เจ้าหน้าอีกสองสามคนเดินมาแถวนั้น เลยมาดูเมฆกับผม ผมไม่ได้บอกเขาหรอกว่า ผมเห็นเมฆนั้นแล้วผมคิดอะไร

ใน ความมืดมิดปกคลุมยังมีลำแสงแรงกล้าส่องทะลุ ผืนฟ้าแห่งความจริงกว้างใหญ่ใครพยายามจะเอาความเท็จสกปรกมาครอบงำ ย่อมทำได้ไม่หมดแน่ มันต้องมีสักแแห่งที่ลำแสงแห่งความจริง ทะลุสาดส่องลงมาถึงพื้นดิน


ตัวหัวหน้าก็ออกมาจากห้อง มองเมฆที่ผมดูอยู่แป๊บนึงก็เรียกผมเข้าไปในห้อง เสร็จแล้วเขาก็เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายนึงมา บอกว่านี่ไงได้ตัวแล้ว ปรวยฯ เดี๋ยวลองให้เขาเข้าไปที่ประชาไท และฟ้าเดียวกันให้ดู

นาย ตำรวจนายนั้นแกล้งตีหน้ามึน ถามผมว่าเราเป็นคนโพสเหรอ ผมบอกใช่ เขาถามว่าผมเป็นคนดูแลเว็บเหรอ ผมบอกเปล่า ผมเป็นคนเข้าไปเล่น จากนั้นพวกเขาก็ปรึกษากันว่าเอาไงดี หมายถึงจะให้ผมไปใช้คอมฯที่ห้องไหนดี

สักพักเจ้าหน้าที่ที่ดูเป็นมิตรก็เดินมาบอกผมให้ไปที่ห้องโน้นดีกว่า จะสวบสวนที่ห้องนั้นด้วย ผมก็เลยเดินตามไป

พอเปิดประตูห้องเข้าไป ในห้องไม่มีใคร เจ้าหน้าท่ีคนนี้หันมาบอกกับผม
พี่ไม่ต้องกลัว ห้องนี้แม่งแดงทั้งห้อง
ผม ก็ยิ้มๆ ไม่ว่าอะไร เพราะผมก็เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาบ้าง ไม่ใช่เรื่องตำรวจมะเขือเทศนะ แต่เป็นเรื่องที่ตำรวจจะใช้จิตวิทยาเวลาสอบสวน ให้รู้สึกว่าเฮ้ยเราพวกเดียว มีอะไรคุยกันได้

แต่อย่างที่บอกผมก็เคยนึกถึงซีนแบบนี้ไว้เหมือน กัน ว่าถ้าผมโดนจับผมจะทำยังไง ผมนึกไว้แล้วว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมจะพูดความจริง เพราะในยามคับขันแบบนี้ขืนไปโกหก ตัวเราเองนั่นแหละที่จะจำไม่ได้ว่าเราโกหกอะไรไป ผมเชื่อในความบุริสุทธิ์ใจของผม ผมไม่ได้ไปโกงใคร ไม่ได้ไปฆ่าใคร ไม่ได้ปล้นใคร เพราะฉะนั้นผมจะพูดความจริงที่ผมทำ และจะพูดความจริงที่ผมคิดอย่างไม่ปิดบัง

ผมคิดว่าถึงแม้ ผมอาจจะติดคุก แต่เมื่อวันหนึ่งความจริงปรากฏ มันก็จะถูกบันทึกไว้ว่า ที่ประเทศไทยเมื่อปี 2553 มีประชาชนพูดความจริงแล้วถูกจับเข้าคุก ถ้าคนที่ลงมือทำเขายังมีชีวตอยู่ ผมก็อยากดูว่าเขาจะทำหน้ายังไง เหมือนกับวันนี้ มีใครสักคนมั๊ยที่กล้าบอกอย่างภูมิใจว่า เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ผมเองนี่แหละที่ผูกคอนักศึกษาที่ต้นมะขาม ผมเองนี่แหละที่เอาเก้าอี้ฟาดศพนักศึกษา ผมเองนี่แหละที่เอายางรถยนต์เผานักศึกษา มีใครกล้าพูดมั๊ย


ผม ถามเจ้าหน้าที่คนนั้นว่าอ้าวหัวหน้าไม่ว่าอะไรเหรอ เขาก็บอกว่าไม่ว่าอะไรเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว เขาบอกให้ผมรอที่ห้องนี้ เขาถามว่ากินอะไรมั๊ย ผมบอกว่าก็ดี เพราะผมรู้สึกหิว เขาถามว่าเอาอะไรดี ผมบอกอะไรก็ได้ งั้นสั่งแมคนะเจ้าหน้าที่นายนั้นบอก ผมก็เลยบอกว่างั้นผมเอาชีสเบอร์เกอร์ก็แล้วกัน เขาออกจากห้องไป

ผม มองไปรอบห้องก็เหมือนห้องสำนักงานทั่วไป มีโต๊ะทำงานเรียงกันเป็นแถวชิดผนัง แต่เมื่อหันกลับมามองอีกด้าน ที่ผนังมีผ้าแถบสีแดงเขียนว่า “ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน” ติดอยู่ ผมรีบหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้

จาก นั้นเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาในห้อง สี่ห้าคน มีคนใหม่เข้ามาเพิ่ม ดูท่าทางเป็นเซียนคอมพิวเตอร์เพราะเขาจัดการเปิดคอมฯให้ผมเพื่อให้เข้าไปที่เว็บประชาไท แต่ก็ขำดี ก็ตอนนี้ ICT มันบล๊อกเว็บอยู่เลยเข้าไม่ได้

ผม ก็ถามเขาว่าไม่มีโปรแกรมทะลวงเว็บเหรอ DSI น่าจะมีดิ เขาก็ถามผมว่าผมเข้ายังไง ผมก็บอกของผมเครื่องแมคมันมีโปรแกรมอันนึงเข้าได้ แต่พีซีนี่ผมไม่รู้ผมไม่เคยใช้เครื่องพีซี แต่บางทีถึงมีโปรแกรมก็เข้าไม่ได้เพราะช่วงนี้เขาบล๊อกอย่างแน่นหนา คุณก็น่าจะรู้

พวกเขาก็พยายามกันใหญ่อยู่พักนึง สุดท้าย เขาเลยบอกงั้นไปอีกห้องนึงดีกว่า เครื่องห้องนี้โดน
บล๊อกไว้และไม่มีโปรแกรมทะลวง

เขา เลยพาผมไปอีกห้องหนึ่ง คราวนี้เข้าได้ เขาเลยให้ผมลองล๊อคอินเข้าไปในประชาไทให้ดู จริงๆเขาก็รู้หมดละครับว่าผมล๊อคอินอะไร และ พาสเวิร์ดอะไร เพราะตัวหัวหน้าบอกผมเองว่าพาสเวิร์ดคุณนี่โคตรยากเลยตั้งสิบตัวกว่าจะแกะ ได้


จากนั้นเขาก็บอกให้เข้าไปที่เว็บฟ้าเดียวกัน ผมบอกไม่มีแล้วครับฟ้าเดียวกันเขาเปลี่ยนเป็นคนเหมือนกันแล้ว เขาก็ให้ผมเข้าแต่ผมก็เข้าไม่ได้

เขา ถามว่าพาสเวิร์ดอะไร ผมบอกก็พาสเวิร์ดเดียวกันเพราะผมขี้เกียจจำ ผมพยายามเท่าไหร่ก็เข้าไม่ได้ แต่จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับตอนนั้นเลย เพราะ ICT มันขยันบล๊อคแล้วไม่รู้มันบล๊อคยังไงบางทีก็ล็อคอินเข้าไม่ได้ หลายคนคงจำได้ว่าช่วงนั้นเว็บเดี้ยงเป็นแถว หรืออาจจะเป็นว่า...ผมนึกขึนมาได้

ผมเลยบอกว่าสงสัยข่าวเรื่องผมโดนจับรั่วแล้วมั้งครับ อาจจะมีใครรู้แล้วลบผมออกแล้วก็ได้

ตัวหัวหน้าเหมือนโดนจี้ใจดำ เขาบอกว่าไม่มีไม่มีทางที่ข่าวจะรั่วได้ พูดเสร็จก็หุนหันออกไป

ตัว คนที่ดูเซียนๆเรื่องคอมฯก็บอกไหนลองอีกที ผมลองหลายครั้งก็เข้าไม่ได้ เขาเลยบอกว่าเออสงสัยโดนลบออกไปแล้ว ไหนลองเข้าประชาไทอีกทีซิ คราวนี้ผมกลับมาลองประชาไท ปรากฏว่าประชาไทท่เมื่อกี้เข้าได้ คราวนี้ก็เข้าไม่ได้แล้ว เจ้าหน้าที่รายนี้เลยสรุปว่า โอเคพอแล้ว เข้าไม่ได้แล้วละโดนลบออกจากสมาชิกแล้ว

จังหวะนั้นตัวหัวหน้าก็โผล่ เข้ามาอีกทีด้วยอาการฉุนๆ ถามผมว่าผมได้บอกใครหรือเปล่าว่าโดนจับ ผมบอกเปล่าไม่ได้บอกใคร เขาบอกไม่ได้บอกใครแล้วทำไมมีคนรู้
นี่ ไง มีคนตั้งกระทู้ที่ประชาไท เขาบอกว่าตั้งมาจากออฟฟิสอะไรสักอย่างผมจำไม่ได้แล้ว แต่นั่นหมายความว่า ที่ DSI สามารถรู้ได้ในทันทีว่าในประชาไท ใครตั้งกระทู้ตอบกระทู้มาจากไหน !


แถมก่อนหน้านี้ตำรวจที่ดูเซิยนๆเรื่องคอมฯก็บอกผมว่า ที่นี่เขารู้ตั้งนานแล้วว่าใครคือปรวย

ซึ่ง นั่นก็สอดคล้องกับที่ตัวหัวหน้าบอกกับผมว่าเขาตามดูผมมานานแล้ว ไปเฝ้าทั้งที่ออฟฟิส ทั้งที่แถวบ้าน ผมนึกในใจโอช่างขยันกันจริงๆ แล้วนี่ถ้าเกิดไม่มีกฎหมายหมิ่นฯแล้ว คนไม่ล้นงานเหรอนี่


จาก นั้นเขาก็พาผมกลับไปที่ห้องเดิม ชีสเบอร์เกอร์ก็มารอท่าแล้ว เขาให้เวลาผมกินอาหารก่อน เสร็จแล้วเดี๋ยวจะเริ่มสอบสวน ผมกินไม่ได้มากเท่าไหร่ด้วยใจจะรีบทำให้จบๆ เหมือนกับว่ามามะ เดี๋ยวเราจะขึ้นสังเวียนกันแล้ว

กินเสร็จเขาก็เริ่มสอบสวนผม โดยมีตำรวจ 4-5 นายนั่งรายล้อมผม และก็มีเจ้าหน้าที่อีกคนสองคนนั่งในห้องนั้นด้วย

เจ้า หน้าที่ที่ชอบทำหน้ามึนๆ ก็เริ่มถามผม โดยรวมก็ถามว่า ล๊อคอินที่ผมใช้นี่ใช้กี่คน รู้จักใครในเว็บบ้าง ผมเป็นเว็บมาสเตอร์หรือเปล่า ผมมีหน้าที่อะไรในเว็บ

ซึ่งการสอบสวน แบบนี้ก็มองได้สองอย่าง หนึ่งอยากรู้ว่าเรามีขบวนการหรือเปล่า สองถามเพื่อให้มัดว่าล๊อคอินนี้เป็นเราแน่นอนไม่ผิดตัว ก็อย่างที่บอกไปแล้ว ผมตั้งใจว่าจะพูดความจริง เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะถามเพื่อจุดประสงค์อะไรผมก็พูดความจริง ผมบอกล๊อคอินผมเองแหละไม่ได้ใช้ร่วมกับใครและผมเป็นแค่สมาชิก

ก็จบเรื่องเทคนิคไป

คราว นี้มาเรื่องแนวคิด ก่อนจะเริ่มเจ้าหน้าที่ที่ดูเป็นมิตรก็เอาแฟ้มหนาปึกมาเปิดเอกสารที่เขา ปริ้นท์ข้อความที่ผมโพสไว้ที่เวบคนเหมือนกัน มันเป็นรูปลายเซ็นต์ผมในคนเเหมือนกัน ตัวหัวหน้าก็ถามเลย รูปนี้คุณโพสใช่มั๊ย ผมยิ้มเลย รูปนี้แน่ๆที่ตัวหัวหน้าถามผมในรถว่าคุณไปโพสรูปอะไรไว้

ผมเลยถาม กลับว่าแปลกอะไรครับ ผิดกฏหมายด้วยเหรอครับ รูป คมช. เข้าเฝ้าในหลวงมีใครในประเทศนี้ไม่เคยเห็นหรือครับ แกก็ไม่ว่าอะไร แต่ถามต่อแล้วนี่ข้อความนี้ของคุณใช่มั๊ย ผมบอกใช่ครับ ก็มันเรื่องจริงหรือเปล่าละครับ ถ้าไม่มี(เซ็นเซอร์) คนทำรัฐประหารก็ไม่รู้จะเข้าเฝ้าใครตอนทำรัฐประหาร นี่มี(เซ็นเซอร์)ก็ทำให้พวกเขาอุ่นใจ จริงหรือเปล่าครับ

ไม่มีใครตอบอะไร

เขา ยังคงเปิดแฟ้มต่อไป มีอันนึงตั้งแต่ปี 2551 แล้วถามผมว่าอันนี้ผมโพสหรือเปล่า ผมบอกว่าโห..นั่นมันตั้งแต่ปี 51 ผมจะจำได้ยังไงละครับ แต่ว่านี่ชื่อผมแน่ ปรวย salty head แต่จะให้ผมยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่านี่ผมโพส ผมยืนยันไม่ได้หรอกครับ

เอาละพอแล้วเขาบอก จากนั้นเขาก็ให้ผมเซ็นต์ชื่อตรงแผ่นที่มีรูป คมช. เข้าเฝ้าในหลวง

จาก นั้นตัวหัวหน้า ก็เริ่มถามผมว่า ไหนลองเล่าให้ฟังซิว่า ทำไมคุณถึงคิดว่าสถาบันไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ผมแทบขำกับคำถามนี้ แต่ก็เหมือนเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้พูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนฟัง อย่างน้อยก็ 5-6 คนในห้องนี้แหละน่า


ผมบอกว่า ผมไม่ได้คิดเองเลยครับ ไม่ใช่อยู่ๆผมก็มานั่งคิดเองว่าสถาบันกษัตริย์ลงมายุ่งกับการเมือง ผมอ่านข่าวครับ ไอ้ข้อมูลที่ผมได้มาก็ไม่ได้ลึกลับพิสดาร หรือมีใครป้อนมาจากใต้ดินที่ไหนหรอกครับ ถ้าท่านอ่านข่าวและจำแม่น วิเคราะห์หาเหตุหาผลเป็น ไม่อคติ ยอมรับความจริง ท่านก็จะคิดแบบผมนี่แหละครับ ผมเริ่มเดินเครื่องด้วยการเกริ่นไปแบบนี้

ตัวหัวหน้าบอกเอ้าไหนว่ามาซิ ไหนในหลวงท่านไปยุ่งยังไง ผมอยากรู้เหมือนกัน ผมจะเอาข้อมูลนี้ไปเขียนผลวิจัยว่าพวกนี้เขาคิดกันยังไง
ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนไฟมันถูกจุดติดในตัวผมแล้วครับ ประนึงว่าผมยืนพูดอยู่กลางสนามหลวงก็ไม่ปาน

ท่าน จำได้มั๊ยครับ ปี 2549 เมื่อเดือนเมษามีเลือกตั้ง มีพรรคการเมืองลงเลือกตั้งหลายพรรค แต่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคฝ่ายค้านไม่ลงเลือกตั้ง การเลือกตั้งติดขัดเพราะบางเขตคนลงคะแนนไม่พอ
( เซ็นเซอร์)ท่านออกมาตรัสว่ายังไงจำได้หรือเปล่าครับ

ตอนนี้เจ้าหน้าที่ในนั้นทำมึนกันหลายคน ถามว่าท่านพูดกับใคร

ผมเลยเล่าต่อ ท่านพูดกับผู้พิพากษาไงครับ ท่านปรึกษาเป็นทำนองว่า มีทางทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้มั๊ย
การ เลือกตั้งพรรคเดียวไม่เป็นประชาธิปไตย ทั้งๆที่มีพรรคเล็กพรรคน้อยลงเลือกตั้งอีกตั้งหลายพรรค พวกนั้นเขาไม่ใช่คนไทยเหรอครับ แล้วท่านเป็นตำรวจท่านไม่สงสัยบ้างเหรอครับว่า การจะตัดสินอะไรมันต้องมีการสอบสวนตามขบวนการ แล้วจึงตัดสินไปตามขั้นตอน

แต่ นี่ไม่กี่วัน ศาลรวมหัวกันออกมาบอกว่า ให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ มันไม่ผิดปกติหรือครับ รวมทั้งเอาท่านวาสนาไปติดคุก ท่านเป็นตำรวจเหมือนกันไม่รู้สึกอะไรหรือครับ

แล้วไงต่อ เสียงเจ้าหน้าที่ในห้องนั้นเขี่ยไฟในตัวผม

แล้ว ไงครับ วันรัฐประหาร นายทหารที่เข้าเฝ้ากำลังทำผิดกฏหมายอาญามาตรา 113 ท่านเป็นตำรวจ ท่านรู้ใช่มั๊ยครับ ผมถามต่อว่า กฎหมายอาญามาตรานี้ยังใช้อยู่หรือเปล่าครับ แล้วการรัฐประหารนี่เป็นประชาธิปไตยหรือครับ มันไม่เป็นประชาธิปไตยแต่ทำไมท่านไม่ตรัสอะไรบ้างครับ ทำไมกล้าตรัสว่าการเลือกตั้งพรรคเดียวไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นโมฆะได้มั๊ย แต่ไม่กล้าตรัสว่าการทำรัฐประหารไม่เป็นประชาธิปไตยบ้างละครับ

เงียบไม่มีใครตอบอะไร

เอา..แล้ว (เซ็นเซอร์) ละ? มีคนนึงถาม

อันนี้ผมตอบแบบหัวเราะเลยครับ

โห ท่านเคยได้ยินวันตาสว่างแห่งชาติหรือเปล่าครับ แน่นอนตามระเบียบตำรวจต้องทำมึนไม่รู้จัก

งาน ศพน้องโบว์ไงครับ ผมเล่าต่อ น้องโบว์นี่ตายหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลใช่มั๊ยครับ ตอนนั้นพวกพันธมิตรกำลังพยายามจะเข้ายึดกองบัญชาการตำรวจนครบาลใช่มัียครับ แล้วในงานศพ YYY ท่านตรัสว่า น้องโบว์เป็นเด็กดีช่วยชาติรักษาสถาบัน แบบนี้มันไม่ชัดหรือครับ แล้วยังจะคลิปที่สนธิ ลิ้มทองกุล พูดเองอีกว่าได้รับของขวัญจากน้องสาว (เซ็นเซอร์)

มีเสียงนายตำรวจที่ทำหน้ามึนตลอดสวนขึ้นมาว่า พูดที่ไหน เมื่อไหร่

ผมตอบไปว่าไม่เคยเห็นคลิปนี้จริงๆหรือครับ เจ้าหน้าที่ที่ดูเป็นมิตรรีบบอกว่า มีครับมี ผมเคยดู
ผมเลยได้ทีพูดต่อ นั่นไงครับ

แล้วไหนจะคดีพันธมิตรทียึดทำเนียบยึดสนามบินอีกไม่มีใครกล้าทำอะไร
ตัวหัวหน้ารีบบอกว่า ก็ไม่ให้ DSI ทำนี่ ถ้าให้ DSI ทำป่านนี้เสร็จไปแล้ว


จังหวะ นี้ผมจำได้แม่นเลย ผมหันขวับมาจ้องตาหัวหน้า แล้วถามว่า จริงหรือเปล่าครับ ท่านกล้าจับพันธมิตรจริงหรือเปล่าครับ ไม่มีเสียงตอบคงมีแต่เสียงหัวเราะกลบเกลื่อนของหัวหน้ากลับมาแทน

ผม ร่ายต่อ คนไทยไม่โง่นะครับ เขาดูออกว่าทำไมมันถึงสองมาตรฐาน ฝ่ายนึงโดนไล่ล่า ฝ่ายนึงทำผิดยังไงก็ได้ ไม่มีใครทำอะไร คนไทยรับรู้เรื่องแบบนี้ได้ง่ายครับ เพราะมันอยู่ในชีวิตประจำวัน

แท๊ก ซี่ขับรถฝ่าไฟแดงตำรวจจับ แต่ถ้ารถเบนซ์ขับฝ่าไฟแดงตำรวจไม่จับ เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะตำรวจกลัวรถเบนซ์ครับ แต่เพราะตำรวจรู้ว่าเบื้องหลังรถเบนซ์นั้นจะมีคนที่เส้นใหญ่อยู่

เหมือน กันครับตำรวจไม่จับพันธมิตรเพราะอะไร คนก็รู้ครับ คนรู้ว่าเบื้องหลังพันธมิตรนั้นมีคนสนับสนุนอยู่ และก็ใหญ่พอที่ตำรวจทหารจะไม่กล้าทำอะไร

ผมยกตัวอย่างนี้ไปได้ยังไง ผมยังไม่รู้เลยครับมันออกไปเองโดยอัติโนมัติ

ที่พูดมาอันนั้นมันก็นานแล้ว แล้วตอนนี้ละท่านยุ่งยังไง


ทหารที่ยิงประชาชนตายนี่ทหารหน่วยไหนครับ?
ทหารที่ส่งมาอารักขาอภิสิทธิ์นี่ทหารหน่วยไหนครับ?
วันก่อนมีรูปลงในเว็บ เห็นท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ไปนั่งไปนั่งในราบ 11 ไปทำไมครับ?


อันนั้นรูปตัดต่อได้มั๊ย หัวหน้าแย้ง

ไม่น่าครับ ใครจะถ่ายรูปด้านหลังเก็บไว้แล้วเอาไปตัดต่อครับ
ฯลฯ

สบายใจมั๊ยได้พูดหมดแล้ว หัวหน้าคนนั้นถามผม
ผมบอกก็ดีครับ เพราะผมก็ไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับใคร

แต่ยังไงมันก็ผิดกฏหมายนะ คุณรู้ใช่มั๊ย ยังไงประเทศนึงมันต้องมีสถาบันหลักเป็นหลักของประเทศ
ผมถามว่าแล้วจะเป็นหลักได้ไงครับ เมื่อไม่ยุติธรรม จะสงบสุขปรองดองได้มันต้องยุติธรรมก่อน


ตอนนี้เหมือนผมขึ้นธรรมาสน์เลย

ผมแปลกใจประเทศเราเป็นเมืองพุทธซะเปล่า ปากก็บอกว่าเป็นชาวพุทธ แต่ไม่รู้หลักเหตุและผล
พระ พุทธเจ้าท่านก็บอกว่าทุกข์ให้ดับที่เหตุ คุณไม่อยากให้คนวิจารณ์สถาบัน แต่ปล่อยให้สถาบันลงมายุ่งการเมือง ปล่อยให้อีกฝ่ายเอามาอ้างทำลายอีกฝ่าย แล้วคุณมาไล่จับคนวิจารณ์ ผมถามว่ามันจะหมดมั๊ยครับ คุณจะจับหมดมั๊ยครับ


แต่ ว่าคุณไปโพสยังงั้นมันก็ผิด คือคุณเข้าใจมั๊ยว่ามันมีกฎหมายอยู่ เอางี้ซิคุณได้พูดแบบนี้แล้วคุณสบายใจ ตอนหลังก็ไม่ต้องไปโพส ก็ไปพูดกับเพื่อนอะไรไป

เพื่อนผมแม่งเหลืองหมด ผมบอก ผมไม่รู้จะไปพูดกับใคร

แต่จริงแล้วมันก็ไม่เกี่ยวครับ คือผมนี้ไม่มีส่วนได้เสียกับวิกฤตินี่เลย

ท่านไปบ้านผมก็ห็นแล้ว ผมนี่โคตรชนชั้นกลางเลย ชีวิตถ้าไม่มายุ่งกับเรื่องนี้ก็โคตรสบายเลย
ทำงานมีเงินใช้ชีวิตแบบชนชั้นกลาง สบาย มีตังค์ก็ไปกินเหล้า เที่ยวผับ ตีหม้อ เลี้ยงเด็ก ช้อปปิ้ง
รากหญ้า ชาวบ้านจะเป็นยังไงก็ไม่ต้องสนใจ เพราะกูเป็นชนชั้นกลาง
เอามั๊ยละ ท่านอยากให้พลเมืองของประเทศเป็นแบบนั้นหรือเปล่าเอามั๊ยละ
ให้พลเมืองของประเทศไม่ต้องสนใจบ้านเมือง หาความสุขใส่ตัวอย่างเดียว เอามั๊ย
ผมประชด

นายตำรวจที่ทำมึนๆมาตลอดบอกว่า เออ คุณมีความคิดดีนะ
แต่ผมรู้เลยว่าเขาจะพูดอะไรต่อ “แต่มันก็ผิดกฏหมาย” เขาไม่ได้พูดหรอก แต่ผมรู้ว่าเขาคิดแบบนั้น


คือผมเข้าใจพวกเขาเลย ไม่ได้ว่าอะไรเลยที่ไปจับผม เพราะที่ฟังเขาพูดมาสองสามเที่ยว
ดูเหมือนเขาจะเข้าใจว่าอะไรมันเป็นยังไง แต่สุดท้ายก็เข้าที่เดิมยังไงมันก็ผิดกฏหมาย

เพราะผมได้ยินคำพูดนี้มา ไม่ต่ำกว่า 10 รอบ ในวันที่พวกเขามาจับผม
เมื่อผมพูดอะไร เขาก็จะอ้างอย่างเดียวว่า
“แต่ว่า...ยังไงมันก็ผิดกฏหมาย”


หลัง จากสอบสวนเสร็จ เขาก็ปล่อยผมกลับบ้าน บอกว่าให้รอหมายเรียก แล้วก็เดี๋ยวจะโทรบอกให้มาเอาคอมฯคืนไปหลังจากได้ทำการ copy ทุกอย่างจากคอมฯผมและคอมฯน้องสาวไว้หมดแล้ว

หลังจากนั้น อาทิตย์ต่อมาเขาก็เรียกให้ไปเอาคอมฯคืน
ต่อมาก็ให้ไปเอาฮาร์ดิสก์คืน รวมทั้งหนังสือท่านปรีดีด้วย

มี วันนึงที่ผมไปเอาฮาร์ดิสคืน เจ้าหน้าที่หนุ่มๆนายนึง ที่ผมดูว่ายังไม่มีตำแหน่งสูงนักเดินมาส่งผมที่ลิฟท์ ระหว่างรอลิฟท์ผมก็เลยคุยกับเขา ผมบอกว่าดีนะทำงานที่นี้ไม่ต้องใส่ชุดตำรวจ เขาบอกก็ดีครับ แต่งเหมือนพนักงานออฟฟิส แต่ผมชอบใส่เสื้อโปโล แต่มีปัก DSI ไปไหนช่วงนี้ก็ต้องระวังหน่อย

นี่ทำงานแบบนี้ต้องนั่งเฝ้าหน้า คอมฯทั้งวันเลยซิผมถามเขา ผมรู้เพราะวันที่ผมพยายามเข้าเว็บไม่ได้ ก็มีตำรวจนายอื่นแซวเจ้าหน้าที่หนุ่มคนนี้ว่า ให้ไอ้นี่เข้าดิมันนั่งอ่านทั้งวันแหละ เขาตอบครับก็นั่งอ่านเว็บดูทั้งวันแหละครับ

เสียงลิฟท์มาพอดี ผมขยับจะเดินเข้าลิฟท์ เขาก็เดินตามมาและก่อนผมจะทันเข้าไปในลิฟท์ เขาก็พูดกับผมว่า ผมอ่านแล้วผมก็ชอบแนวคิดของพี่นะ แต่ว่า....ยังไงมันก็ผิดกฎหมาย

ผมหันไปมองหน้าเขา ไม่ตอบอะไร จนลิฟท์ปิดและเลื่อนลงมา

อืมม...คุณอยู่ในประเทศนี้ คุณพูดความจริงได้ แต่..ยังไงมันก็ผิดกฏหมาย
เจริญพะย่ะค่ะ


หลังเหตุการณ์ที่ผมโดนจับกุม ผมก็หยุดโพสไปเลย กะว่าจะใช้ชีวิตเงียบๆ
แต่เมื่อติดตามข่าวเหล่านี้


บก.ลายจุด ไปผูกผ้าแดงที่ราชประสงค์โดนจับ
นที สิวารี ไปยืนตะโกนที่ราชประสงค์โดนตำรวจนอกเครื่องแบบอุ้มไปขัง แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆก็เถอะ
เด็กนักเรียนอายุ 16 ปี ไปยืนถือป้ายต้าน พรก. ที่เชียงราย ตกเย็นตำรวจไปค้นที่บ้าน
โดนตำรวจเรียกไปสอบ


ผมคิดว่ามึงจะมากไปแล้ว ผมคิดว่าผมควรจะกลับยืนยันสิทธิของพลเมือง
ว่าการเป็นพลเมืองของประเทศนี้ย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก

หมายเหตุ:

นี่เป็นเศษเสี้ยวหนึ่ง ของเหตุการณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยคนธรรมดาคนหนึ่ง ด้วยวิธีธรรมดา
ซึ่งก็แสดงให้เห็นแล้วว่า แม้แต่วิธีธรรมดาเช่นนี้
ในประเทศนี้ก็ไม่มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น


การไม่มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
จะเป็นปัญหาต่อประเทศที่มีคนมากกว่าหกสิบล้านคนยังไง
การไม่มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
จะเป็นอุปสรรคในการพยายามที่จะสร้างความปรองดองในประเทศยังไง
การไม่มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
ทำให้ประเทศนี้เดินบิดเบี้ยวมายังไงและจะเดินบิดเบี้ยวต่อไปยังไง

โปรดติดตามในโอกาสต่อไป โดยไม่ต้องระทึกในดวงหทัยพลัน
เพราะซีรียส์เหล่านี้จะเป็นเรื่องยาว
จนกว่าเสรีภาพและความเป็นธรรมจะปรากฏขึ้นในประเทศนี้

ขอความแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ จงมีแด่เพื่อนผู้รักเสรีภาพและประชาธิปไตย
และเพื่อนผู้มีจิตใจโอบอ้อมต่อคนที่มีความยากลำบากกว่าตน

กระทุ้งมาร์คม.7เลิกคุกคามเสรีภาพม.5เชียงราย



เมื่อ วานนี้ ได้มีการบรรยายพิเศษเรื่อง "สนทนากลางฝุ่นตลบหลังเดือนพฤษภา:ประเด็นและคำถามจากเหตุการณ์พฤษภา อำมหิต"โดย ศ.ดร.ธงชัย วินิจจะกูล จัดโดย ภาคประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และได้มีแถลงการณ์ของนักศึกษาอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรื่องกรณีนักเรียนนักศึกษาเชียงรายถูกจับกุม หลังจากถือป้าย"ผมเห็นคนตายที่ราชประสงค์" โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

แถลงการณ์
หยุด! ข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพของนักเรียน-นักศึกษาจังหวัดเชียงราย
รัฐบาลอภิสิทธิ์ต้องยกเลิกพรก.ฉุกเฉินโดยทันที


สืบ เนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นักศึกษาราชภัฏเชียงราย 2 คน นักศึกษา ม.แม่ฟ้าหลวง 2 คน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา 1 คน ได้ร่วมกันทำกิจกรรมโดยการไปถือป้ายแสดงข้อความต่างๆ ที่บริเวณตลาดสดเทศบาล 1 หอนาฬิกา จังหวัดเชียงราย โดยการแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยกับการคงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และกรณีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ บริเวณแยกราชประสงค์เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2535 โดยป้ายระบุข้อความ อาทิ
ผม เห็นคนตายที่ราชประสงค์, นายกครับอย่าเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นะครับไม่งั้นรัฐบาลจะพัง, พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต้องคงไว้เพื่อไม่ให้ความจริงปรากฏ ฯลฯ


ต่อมา นักเรียนและนักศึกษาทั้งหมดโดนหมายเรียกในความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ข้อหา “ชุมนุมหรือมั่วสุมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยง ให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน”

เหตุการณ์ดังกล่าว สะท้อนถึงการที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ อำนาจเผด็จการ โดยมีพรก.ฉุกเฉินเป็นเครื่องมือทางการเมือง กระทำการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของนักเรียนและนักศึกษาในจังหวัดเชียงราย ในการแสดงความคิดเห็นอันเป็นอิสระ อันเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่พึงมีในระบอบประชาธิปไตย

เราไม่ เห็นด้วยกับการใช้อำนาจข่มขู่คุกคามกับนักศึกษา นักศึกษา อันเป็นปัญญาชน ที่มีพลังบริสุทธิ์ เรียกร้องสิทธิเสรีภาพในแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่กลับถูกคุกคามโดยรัฐบาล ซ้ำร้ายยังจะเอาผิดถึงขั้นเข้าสถานพินิจเด็กและเยาวชน ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดทางอาญา แต่อย่างใด

เรามีความคิดเห็นว่า นักศึกษาเป็นพลังขับเคลื่อนของสังคม ที่เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นลูกหลานของคนไทย ซึ่งไม่ควรตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอำนาจเผด็จการ และเราขอเรียกร้องต่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ ดังนี้

1 ยุติการดำเนินคดี ข่มขู่ คุกคาม นักเรียน นักศึกษาจังหวัดเชียงรายทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข
2 ยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน เครื่องมือของเผด็จการโดยทันที คืนสิทธิเสรีภาพให้ประชาชน ตามหลักการของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย


ลงนามโดยอาจารย์ และนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่

**********

ขณะเดียวกันอาจารย์ชำนาญ จันทร์เรือง แห่งมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้นำเสนอบทความในกรณีเดียวกัน ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้


บทความ:ผมเห็นเด็กกำลังจะตายเพราะ พรก.ฉุกเฉินที่เชียงราย

โดย ชำนาญ จันทร์เรือง

ไม่ มีความอัปยศอดสูใดใดในการบังคับใช้กฎหมายในช่วงชีวิตของผมที่ได้เห็นการตั้ง ข้อหากับเยาวชนและเด็กที่แสดงออกทางการเมืองที่มีรัฐธรรมนูญรองรับ

ด้วย ข้อหาฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินฯกับนายธนิต บุญญนสินีเกษม แกนนำกลุ่มพลังมวลชนเชียงราย นายกิตติพงษ์ นาตะเกศ อายุ 24 ปี และนายนิติ เมธพนฎ์ อายุ 23 ปี นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ นายเอกพันธ์ ทาบรรหาร อายุ 19 ปี นาย สาทิตย์ เสนสกุล อายุ 19 ปี จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และเด็กอายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย

ใน ชั้นแรก ศอฉ. แถลงว่าการจับน.ร.-น.ศ.ทั้ง 5 คนเนื่องจากมีความผิดพ.ร.บ.การจราจรฯ แต่ความจริงแล้วตามบันทึกแจ้งข้อหาของ สภ.เมืองเชียงราย ระบุไว้ชัดเจนว่าถูกจับเนื่องจากฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ตามมาตรา 9 (1) และ (2) คือ ห้ามไม่ให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป หรือกระทำการใดเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย และ ห้ามการเสนอข่าว การจำหน่าย หรือการทำให้แพร่หลาย ซึ่งหนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจน กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชนในทั่วราชอาณาจักร

ทั้งที่ข้อความที่นักเรียนและนักศึกษาทั้ง 5 คนถือไม่ได้มีข้อความใดเลยที่เข้าข่ายลักษณะดังกล่าวเลย

ข้อความที่ว่า คือ
“ผม เห็นคนตายที่ราชประสงค์” “นายกครับอย่าเลิก พรก.ฉุกเฉินนะครับ ไม่งั้นรัฐบาลจะพัง” และ “พ.ร.ก.ฉุกเฉินต้องคงไว้เพื่อไม่ให้ความจริงปรากฏ”
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ถึงแม้ไม่ได้เรียนกฎบัตรกฎหมายมาเลยก็ย่อมที่จะรู้ว่าหามีความผิดตามกฎหมายใดใด

ไม่ แม้แต่ พรก.ฉุกเฉินฉบับนี้ที่ให้อำนาจล้นฟ้าแก่เจ้าหน้าที่เองก็ตาม มิหนำซ้ำเจ้าหน้าที่ยังส่งตัวนักเรียนชายผู้นั้นไปยังสถานพินิจฯเสียอีกแต่ สถานพินิจฯให้เด็กชายผู้นั้นไปพบพนักงานคุมประพฤติเซ็นต์ชื่อแล้วแจ้งว่าใน วันที่ 30 ก.ค.53 ให้เด็กชายผู้นั้นกลับไปยังสถานพินิจอีกครั้งหนึ่ง

นอก จากการใช้อำนาจที่เกินเลยในการตั้งข้อหาแก่เด็กและเยาวชนดังกล่าวนี้แล้ว ยังมีการคุกคาม ผู้ถูกกล่าวหาด้วยการเข้าไปถ่ายภาพและยึดโน้ตบุ๊กของเด็กชายผู้นั้นไปอีก

และ จากรายงานข่าวของข่าวสดออนไลน์ประจำวันที่ 25 ก.ค.53 รายงานข่าวจากคณะทำงานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีความพยายามจากนายทหารยศพันตรี สังกัดจังหวัดทหารบกเชียงราย ไปติดต่อเจ้าของฟาร์มเลี้ยงสัตว์แห่งหนึ่งในเชียงรายให้ไปกล่อมนักเรียนและ นักศึกษาทั้ง 5 คนให้สารภาพว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดถูกว่าจ้างจากนายธนิต แกนนำกลุ่มพลังมวลชนเชียงราย แล้วจะช่วยให้ทั้ง 5 คนพ้นข้อกล่าวหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

แต่น.ร.-น.ศ.กลุ่มนี้บอกปฏิเสธไป เนื่องจากไม่เป็นความจริง

การ ดำเนินคดีกับเด็กนักเรียนและนักศึกษากลุ่มนี้เป็นการบ้าจี้หรือเป็นการกระทำ ของเจ้าหน้าที่ ที่พยายามที่จะยัดเยียดความผิดให้กับเด็กเพื่อที่จะสร้างผลงานโดยไม่คำนึง ถึงหลักมนุษยธรรม โดยใช้วิธีข่มขู่ให้เด็กและผู้ปกครองกลัวในสารพัดวิธีแทนที่จะปฏิบัติต่อ เด็กซึ่งเป็นผู้เยาว์ด้วยเมตตาธรรม

จากประสบการณ์ในชีวิตของผมที่ ล่วงพ้นวัยกึ่งศตวรรษมาหลายปียังไม่เคยพบเห็นการคุกคามสิทธิและเสรีภาพของ ประชาชนเช่นในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่อยู่ในภาวะของการปฏิวัติรัฐประหารก็ตาม ก็ยังไม่เคยมีการตั้งข้อหาแก่เด็กนักเรียนที่ถือป้ายแสดงความคิดเห็นทางการ เมืองในผืนแผ่นดินที่ผู้ปกครองของรัฐได้แต่พร่ำบอกว่าปกครองบ้านเมืองด้วย นิติรัฐเช่นนี้

คำว่านิติรัฐนั้นความหมายโดยย่นย่อคือการปกครองด้วย กฎหมาย แต่ในความหมายที่แท้จริงคือการปกครองด้วยหลักกฎหมาย เพราะถ้าไม่ยึดถือหลักกฎหมายแล้วคณะปฏิวัติรัฐประหารที่เป็นเผด็จการทั้ง หลายก็ออกกฎหมายมาบังคับใช้เอากับราษฎรเช่นกัน

หลักกฎหมายที่ใช้กับ หลักนิติรัฐที่ว่าว่านี้ก็คือการกระทำใดใดของฝ่ายบริหารต้องชอบด้วยกฎหมาย ที่อออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติและทั้งการกระทำใดใดของฝ่ายบริหารและการออกกฎหมาย ของฝ่ายนิติบัญญัติต้องไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งในกรณีนี้ก็คือการจำกัดอำนาจของฝ่ายบริหารไม่ให้ใช้เกินกว่าขอบเขตความ จำเป็นนั่นเอง

การใช้อำนาจตาม พรก.ฉุกเฉินฯของรัฐบาลชุดนี้ไม่ว่าจะเป็นการปิดสื่อ อายัดธุรกรรมทางการเงิน จับบุคคลไปคุมขังหรือเรียกบุคคลที่แสดงออกทางการเมืองไปชี้แจงนั้นขัดรัฐ ธรรมนูญอย่างชัดแจ้งเพราะจำกัดสิทธิและเสรีภาพเกินกว่าเหตุตามมาตรา 29 และยังขัดต่อมาตรา 27 ที่คณะรัฐมนตรีต้องคำนึงถึงการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นหลักอยู่ เสมอ

ป่วยการที่แกนนำของรัฐบาล ตลอดจนรองเลขา ครม.ที่พร่ำบอกอยู่เสมอว่าการบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉินฯนี้สุจริตชนไม่เดือดร้อน ตัวอย่างนี้ย่อมเห็นได้ชัดว่าเป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่สุจริตชนได้รับความเดือดร้อน เพราะเหตุไม่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญได้ เพราะเสรีภาพนั้นเป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่กำเนิด และเสรีภาพนั้นจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่มนุษย์จะยอมสูญเสียก่อนชีวิตของตนเองจะ สูญเสียไป

อันที่จริงแล้วการเรียกร้องให้ยกเลิกการบังคับใช้หรือการ ประกาศสถานการณ์ตาม พรก.ฉุกเฉินฯนั้นยังไม่เพียงพอต่อความเสียหายต่อสิทธิเสรีภาพเสรีภาพของ บุคคลด้วยซ้ำไป ในระยะยาวแล้วตัว พรก.ฉุกเฉินฯเองก็มีปัญหาตั้งแต่เริ่มร่างกฎหมายตั้งแต่แรกแล้ว ดังจะเห็นได้จากการต่อต้านจากหลายๆองค์กร จนมหาวิทยาลัยเที่ยงถึงกับทำการเผาร่างกฎหมายฉบับนี้จนเป็นข่าวเกรียวกราวมา แล้ว

หลายคนกังวลว่าหากเลิก พรก.ฉุกเฉินฯไปแล้ว จะเอากฎหมายอะไรมาใช้ ผมเห็นว่าปกติกฎหมายธรรมดาก็เพียงพออยู่แล้ว หากเห็นว่ากฎหมายธรรมดาไม่เพียงพอก็ยังกฎหมายอีกสองฉบับที่มีอานุภาพไม่ยิ่ง หย่อนไปกว่า พรก.ฉุกเฉินฯมากนักก็คือ พรบ.กฏอัยการศึกฯและ พรบ.ความมั่นคงฯนั่นเอง เพียงแต่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเป็นฝ่ายทหารและกอ.รมน.เท่านั้นเอง(ซึ่ง เป็นเหตุผลหนึ่งที่นายกฯฝ่ายพลเรือนและตำรวจไม่ถูกใจนัก)

หาก ยังขืนคง พรก.ฉุกเฉินฯต่อไปอีก ผมว่าหมอฟันคงต้องตกงานหรือปิดคลินิกกันเป็นระนาวแน่ เพราะแค่นี้ประชาชนคนไทยก็อ้าปากกันไม่ค่อยได้อยู่แล้วครับ

วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เสื้อแดงทั่วโลกจัดแฮปปี้เบิร์ธเดย์ทักษิณมหาราษฎร์ แม้ววอนผู้สนับสนุนอดกลั้นต่อความโหดเหี้ยม


การ์ตูนลายเส้นของGag Lasvegas การ์ตูนนิสต์ไทยในอเมริกา

กรุงเทพฯ


เบิร์ธเดย์-ชาวเสื้อแดงในโลกออนไลน์นัดหมายกันทางเฟซบุ๊คจัดกิจกรรมฉลองวันเกิดให้"ทักษิณมหาราษฎร์"ช่วงค่ำวันจันทร์ที่ 26 ก.ค.ที่เลียบทางด่วน รามอินทรา

เมืองนนท์

งานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่ ห้องอาหาร 13 เหรียญ งามวงศ์วาน

ผู้ สนับสนุนพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีผู้ถูกเผด็จการโค่นล้มจากตำแหน่ง และอยู่ระหว่างลี้ภัยในต่างประเทศ ได้พร้อมใจกันจัดงานวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 61 ปีขึ้นหลายจุดทั้งในและต่างประเทศในวันนี้

เสื้อแดงอเมริกาชูทักษิณเป็นมหาราษฎร์ผู้ยิ่งใหญ่

กลุ่มคนไทยเสื้อแดงในสหรัฐอเมริกา หรือ RED USA รายงานว่าได้พากันจัดฉลองวันเกิดให้พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ พร้อมกับยกย่องให้เป็นมหาราษฎร์ หรือราษฎรผู้ยิ่งใหญ่ในหัวใจของคนไทยที่รักชาติรักประชาธิปไตย พร้อมกันนี้ได้พากันถือโอกาสจัดกิจกรรมรำลึกวีรชนเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553ขึ้นพร้อมกันด้วย

แดงเยอรมันจัดเบิร์ธเดย์ทักษิณคึกคักข้ามทวีป






คุณRojana Treiling รายงานจากเยอรมนีว่า เนื่องในวันครบรอบวันเกิด 62ปี ของนายกฯทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในดวงใจของประชาชน ชาวบ้านคนไทยในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี แสดงกตเวที ด้วยการระลึกถึงและทำบุญอุทิศส่วนกุศลร่วมกัน ณ แคว้น ไรน์แลนด์ฟาลซ์

โดยคุณ"แดงแจ๊ด"บริการเอื้อเฟื้อสถานที่ และเป็นศูนย์อำนวยการประกอบกิจกรรม มีหลายกลุ่มจากแคว้นต่าง ๆ มาร่วมทำบุญ
บางคนทำเค้กผลไม้หน้าร้อนมาร่วมอวยพร

บางกลุ่มเดินทางไกลมาจากเมือง ฮัมบวร์ก ภาคเหนือสุด บางคนเดินทางมาจากนครเบอร์ลินตั้งแต่วันเสาร์

ล้วนจุดหมายเดียวกัน มาร่วมกันตั้งจิตอธิษฐานอวยพรวันเกิดแด่ท่าน นายกฯทักษิณ ชินวัตร

หลังจากนี้ทัวร์นกขมิ้นแดงแจ๊ด นปช.สัญจร ก็ได้ฤกษ์ พบกันที่ (Marienplatz) ประเทศเยอรมนี

ใน โอกาสนี้ขอเชิญชวนเสื้อแดงไทยในยุโรป เรามีนัดวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม เวลา 16.00น.เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเข้าร่วมงานได้ที่ คุณแดงแจ๊ด 0151/51232320

พ.ต.ท.ดร.ทักษิณได้ทวิตเตอร์ในเวบไซต์ thaksinlive ว่า

วันนี้ ผมก็61แล้วครับ แก่แล้วครับ อยากจะเห็นสิ่งดีๆในบ้านเมืองและพร้อมให้ความร่วมมือทุกฝ่ายที่อยากจะนำบ้าน เมืองไปสู่ความรักกัน/ร่มเย็นเป็นสุข

ขอขอบคุณผู้ที่มีน้ำใจต่อผม กรุณาอวยพรวันเกิดผม ผมขอวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคุ้มครองท่านให้พ้นทุกข์พ้นโศกผ่านช่วง นี้ไปด้วยดีครับ

ผู้ที่รักผมและปรารถนาดีต่อผมต้องอดทนอดกลั้นต่อ ความไม่เป็นธรรม ความโหดเหี้ยมในช่วงนี้ โปรดอย่าหาทางออกด้วยความรุนแรงผมไม่ชอบไม่เห็นด้วยครับ

หนังสือพฤษภามหาอำมาตย์อำมหิตภาคภาษาเยอรมัน

คนเสื้อแดงพิษณุโลกแซยิดทักษิณ และทำบุญอุทิศส่วนกุศลวีรชนนักประชาธิปไตย

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2553 พี่น้องคนเสื้อแดงในจังหวัดพิษณุโลก ได้ร่วมกันจัดงานวันคล้ายวันเกิดอดีตนายกณทักษิณ อายุครบรอบ 61 ปี และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับวีรชนนักประชาธิปไตย ณ วัดธรรมจักร อำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลก โดยบรรยากาศในงาน เป็นไปอย่างเรียบง่าย เป็นกันเอง

ในช่วงเวลา 09.30 น. นัดรวมตัวนักประชาธิปไตยในตัวเมืองพิษณุโลก ณ วัดธรรมจักร โดยพี่น้องคนเสื้อแดงที่มาร่วมงานแต่ละคนได้หิ้วข้าวปลาอาหารของแต่ละท่าน เพื่อมาร่วมทำบุญ ภายในงานคนเสื้อแดงพิษณุโลก ต่างพูดคุย สนทนา จับกลุ่มพูดคุยถึง สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน ไต่ถามสาระทุกข์สุขดิบของกันและกัน และพูดคุยถึง อนาคตและการต่อสู้ของพี่น้องชาวเสื้อแดง จนถึงเวลาถวายภัตรตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ หลังจากนั้นได้มีการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับวีรชนรักประชาธิปไตย ตามกำหนดการทางศาสนพิธี

จนถึงเวลาประมาณ 12.00น. พี่น้องเสื้อแดงชาวพิษณุโลก ก็ได้ร่วมกันจุดเทียนในวาระวันคล้ายวันเกิด อดีตนายกทักษิณ และร่วมกันร้องเพลง อวยพรวันเกิด เป่าเทียน และพูดคุยถึงความห่วงหา เป็นห่วงอดีตท่านนายกทักษิณ ตามกลุ่มย่อยต่างๆ หลังจากเสร็จพิธี ทุกๆท่านที่มาร่วมงานก็ได้ร่วมกันรับประทานอาหาร และพูดคุยกันตามจุดต่างๆบริเวณวัด หลังจากรับประทานอาหารและพูดคุยกัน พี่น้องคนเสื้อแดงพิษณุโลก ก็แยกย้ายกันกลับด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง

โคราชทำบุญ8อ. อวยพร 'แม้ว' อายุยืนดั่งขุนเขา


คน เสื้อแดงโคราชพร้อมใจ 8 อำเภอ ทำบุญวันเกิดให้ "ทักษิณ" คึกคัก นำรูปใส่กรอบตั้งหลา กลางวัด เขียนแฮปปี้เบิร์ดเดย์ พร้อมถวายซาลาเปา เขียนภาษาจีนคำแปลว่า " อายุยืนดั่งขุนเขา - วาสนามหาศาลดั่งทะเล" ...

เมื่อ เวลา 11.15 น. วันที่ 26 ก.ค. ที่ศาลาการเปรียญวัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร (พระอารามหลวง) ชุมชนย่านหลักเมืองเศรษฐกิจการค้าขาย เขตเทศบาลนครนครราชสีมา อ.เมือง ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงในเขตชุมชนเทศบาลนครนครราชสีมา และจากอำเภอต่างๆ ของ จ.นครราชสีมา ได้มารวมตัวกันกว่า 100 คน โดยมีบางส่วนกว่า 10 คนที่ตั้งใจสวมเสื้อแดง เพื่อเป็นการแสดงความรัก ความคิดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะ ได้ร่วมกันทำบุญเนื่องในโอกาสวันเกิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีการถวายซาลาเปาที่ทำเป็นรูปหัวใจ จำนวน 229 ลูก จำนวน 1 กระเช้า และมีกระดาษเขียนเป็นภาษาจีน 2 แผ่น แปลว่า " อายุยืนดั่งขุนเขา กับ วาสนามหาศาลดั่งทะเล" และมีการนำรูปภาพถ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ขนาดโปสการ์ด ใส่กรอบอย่างสวยงาม ในรูปภาพ สวมเสื้อยืดคอปกสีชมพู นั่งหัวเราะยิ้มอย่างมีความสุข สีหน้าสดใส นั่งอยู่บนโซฟา

ทั้งนี้ ภาพด้านบนมีการเขียนเป็นภาษาอังกฤษคำว่า Happy Birthday ส่วนด้านล่างเขียนว่า 26 July 2010 โดยมีนายอนุวัฒน์ ทินราช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง จ.นครราชสีมา และแกนนำ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน อ.คง จ.นครราชสีมา เป็นประธานในการประกอบพิธีทำบุญถวายภัตตาหารเพลในโอกาสวันอาสาฬหบูชา พร้อมกับถวายเทียนพรรษา 1 คู่ เนื่องในโอกาสวันเข้าพรรษา และถวายผ้าไตรจีวร พร้อมชุดสังฆทาน โดยมีพระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดฯ เจ้าอาวาสวัดพระนารายณ์ฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมถวายภัตตาหารเพล พระสงฆ์ สามเณร จำนวน 60 รูป พร้อมเลี้ยงอาหารกลางแก่ผู้ที่มาร่วมพิธี โดยมี พ.ต.อ.ผดุงเกียรติ ศิริพรวิวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองฯ นำกำลังตำรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบ และตำรวจสันติบาลมาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และคอยสังเกตการณ์กว่า 20 นาย

นายอนุวัฒน์ กล่าวว่า เนื่องจากวันนี้เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาคือวันอาสาฬหบูชาและ วันเข้าพรรษา กิจกรรมเราทำมีการถวายเทียนพรรษา และทำบุญถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสามเณร ประจวบเหมาะพอดีเป็นวันเกิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เวียนมาบรรจบครบรอบปีที่ 61 และเมื่อปีที่แล้วเราก็ทำอย่างนี้ที่วัดสามัคคี เราทำเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว และในวันเดียวกันนี้ในเขตของ จ.นครราชสีมาก็ทำพร้อมกันในพื้นที่ 8 อำเภอ 8 วัด โดยแต่ละอำเภอจะเป็นตัวแทนในการทอดเทียน โดยมี อ.เมือง , อ.ประทาย , อ.โนนแดง , อ.ขามทะเลสอ , อ.สีคิ้ว , อ.ปักธงชัย เป็นต้น โดยเป็นวัดประจำแต่ละอำเภอไป ส่วนความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเรา ที่ยังมีประกาศ พ.ร.บ.ฉุกเฉินฯ อย่าง จ.นครราชสีมาคงจะเป็นเมืองหน้าด่าน เป็นสถานที่ตั้งที่อยู่ของบุคคลสำคัญ เช่น กองทัพภาคที่ 2 , บ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ , กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ทั้งหมดอยู่ที่นี่ก็กลัวว่าจะเกิดเหตุอะไรที่ไม่เหมาะสมขึ้น และกลัวจะเสียเหลี่ยม เสียเชิงมากกว่า แต่จริงๆแล้วพวกเรา ถ้าบอกว่าไม่ดิ้น ก็คือ ไม่ดิ้น และมีการทำร้ายคนของพวกเราก็ทำไปแล้วอย่าง อ้วน.บัวใหญ่ นายศักดิ์นรินทร์ กองแก้ว ก็ถูกฆ่าไปแล้ว แต่ก็ยังหาอะไรไม่ได้เลย

อย่าง ไรก็ตามการที่ทำกิจกรรมวันนี้ก็มีการถวายเทียนจำนำพรรษา ถวายสังฆทาน ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร และทำบุญในวันที่เป็นวันสำคัญสำหรับคนที่เรารัก เราคิดถึง คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ของพวกเรา และเราร่วมกันทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีงามให้อยู่แล้ว เสริมบารมี เพื่อให้อดีตนายกฯ ได้เดินทางกลับประเทศ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับที่เสียชีวิตจากการสลายการ ชุมชนของรัฐบาล รวมทั้งญาติพี่น้องผู้ล่วงลับด้วย

" ผมอยากฝากหรือเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่า ถ้าอยากจะทำให้บ้านเมืองมันสงบส่วนหนึ่งจะทำให้เกิดการปรองดองได้ แต่ถ้ายังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯก็คงไป ไม่ได้บอกให้เลิก ไม่มีปัญหา แต่ถ้าอยากจะให้มันพอจะมีอะไรคุยกันได้ พูดกันได้ เปิดช่องให้น้ำในกามีที่พุ่งออก แต่ถ้าอัดไว้แน่นไม่มีการออกเดี๋ยวมันก็จะระเบิด ผมว่ารัฐบาลยังไวก็ต้องเลิกอยู่แล้วกับประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯอยู่แต่ว่า จะเลิกทั้งทีก็จะลีลาว่าจะเลิกวันไหนเท่านั้นเอง ผมยังยืนยันมาโดยตลอดว่า รัฐบาลต้องยุบสภา ยุบได้วันพรุ่งนี้ก็ควรรีบยุบ แต่ถ้าจะอยู่จนครบวาระก็ไม่มีใครว่าอะไร ถ้าอยู่ไปได้" นายอนุวัฒน์ กล่าว.

ทักษิณโฟนอินงานวันเกิดเชียงใหม่กลับไทยปีหน้า

ช่วงเช้าวันนี้ (26 ก.ค.) ที่วัดโรงธรรมสามัคคี อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ นางจันทร์สม ชินวัตร ผู้เป็นป้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นประธานในพิธีทำบุญวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 61 ปี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดขึ้น โดยในพิธีดังกล่าวนี้มีนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมด้วย ตลอดจนมีกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นและชาวบ้านในพื้นที่ เข้าร่วมด้วยคึกคัก

พิธีทำบุญวันคล้ายวันเกิดของ พ.ต.ท.ทักษิณในครั้งนี้ ได้มีการนิมนต์พระสงฆ์เพื่อมาประกอบพิธีจำนวน 9 รูป ในจำนวนนี้มีการนิมนต์เจ้าอาวาสวัดดับภัย วัดลอยเคราะห์ และวัดดวงดี ซึ่งเป็นวัดที่ชื่อมีความหมายดีร่วมพิธีด้วยเพื่อเอาเคล็ดและความเป็นสิริ มงคล โดยในพิธีดังกล่าวนี้ได้มีการถวายเครื่องปัจจัยไทยธรรม ผ้าอาบน้ำฝน และเทียนพรรษาสีแดงรวมทั้งสิ้น 9 ชุด แด่พระสงฆ์ที่ร่วมพิธีด้วย

ในเวลาประมาณ 10.45 น.หลังจากเสร็จพิธีสงฆ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์โฟนอินเข้ามาพูดคุยกับผู้ที่ร่วมพิธีทำบุญ โดยได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่ โดยเฉพาะนายสุรพงษ์ ที่เป็นแกนนำในการจัดงานให้ พร้อมทั้งขอบคุณผู้ที่ได้ต่อสู้ตลอดมา และบอกว่าจะกลับมาเมืองไทยในเร็ววันนี้ ก่อนที่จะกล่าวอำลาและวางสายไป รวมเวลาทั้งสิ้นประมาณ 5 นาที

นอกจากนี้ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทำบุญแล้ว ทางผู้จัดงานยังได้ทำการปล่อยโคมขนาดใหญ่และลูกโป่งสีขาว สีแดง สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีของธงชาติ รวม 1,000 ลูกด้วย เพื่อเป็นการขจัดปัดเป่าเคราะห์ร้ายและความไม่ดีทุกอย่างให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตามความเชื่อ

ขณะที่ นางจันทร์สม กล่าวก่อนพิธีทำบุญจะเริ่มขึ้นว่า พ.ต.ท.ทักษิณเพิ่งโทรศัพท์มาอวยพรวันเกิดให้กับตัวเองเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งก็ได้อวยพร พ.ต.ท.ทักษิณกลับไปเช่นกัน ทั้งนี้หากถามว่าอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาเมืองไทยหรือไม่ ก็อยากให้กลับมา โดย พ.ต.ท.ทักษิณเองก็บอกว่าอยากกลับมาเหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังกลับมาไม่ได้ ต้องเป็นช่วงปีหน้า อย่างไรก็ตามตอนนี้อยู่ต่างประเทศก็สุขสบายดี พร้อมกันนี้บอกว่าเมื่อเช้าวันเดียวกันนี้ได้จุดเทียนสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 2 ชุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เป็นประจำทุกปีเพื่อความเป็นสิริมงคล

รากหญ้าหน้าตาดี(ว้อย)


กลุ่ม วันอาทิตย์สีแดงแต่งหน้าเป็นผีเต้นแอโรบิกที่สวนลุมพินีเมื่อวันอาทิตย์ เพื่อกระตุ้นสำนึกว่ามีคนตาย90ศพจากการปราบปรามของรัฐบาล และต้องลงโทษผู้สั่งการ พร้อมเรียกร้องให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 

ภาพ บรรยากาศการทำกิจกรรมของกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง 25 กรกฎาคม ไปเต้นอาโรบิคผี ที่สวนลุมพินี สังเกตว่าสาวๆหนุ่มๆที่ไปมีแต่คนหน้าตาดีๆ เลยแปลกใจที่เขาว่าเสื้อแดงมีแต่รากหญ้า คงไม่ใช่อีกต่อไป











วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพหลักฐาน!.. มือดีอุ้มป้ายราชประสงค์ไปรีดสอบก่อนเอามาคืน

แอบถ่ายหลักฐานมาได้ตามเคยครับ ชัดเจน!! +8P,s[0
1.หิ้วปีกหัวท้าย เหมือนตอนอุ้ม คุณนทีขึ้นรถกรงขังเด๊าะเลย! w!3> N"em
1yq oA *
2.อุ้มเสร็จซ้อมป้ายชะเลอะเทอะหมด ..(ไม่รู้เขียนกันเองป่าวอ้างเอามาทำความสะอาด) 5z/ Er".P
\E4B &!m
3.หลังมือดีอุ้มป้ายไปสอบปากคำ ตร. ในเครื่องแบบมาเฝ้าเสาป้ายต่อ 555 & eZfQ2 7$
P\ R2 7Jd
4.หลักฐานชัดตอนเสื้อแดงไปผูกผ้า ป้ายไม่มีรอยขีดเขียนอะไรทั้งสิ้น P9Q2gVGAO{
d]v+mVA yE
หวังว่านี้คงพอเป็นหลักฐานตอบโต้ที่ฝ่ายทางเขตปทุมวันกล่าวหาว่าเนื่องจากป้ายมีผู้ชุมุนมพ่นสีปเปรย์ใส่และขีดเขียน LLAa 1 Wq
สกปรกจึงเอามาทำความสะอาด 55555 peVq+( =. 

เปิดคำปราศรัยก่อแก้วเสียงเครือวอนขอคะแนน

 


เปิดคำปราศรัยหาเสียง "ก่อแก้ว พิกุลทอง"

สวัสดีครับพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร เขต 6 กระผมก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัครส.ส. พรรคเพื่อไทย หมายเลข 4

พี่ น้องครับ วันนี้ผมขอโอกาสในการได้รับใช้พี่น้องประชาชน เพื่อไปทำงานให้กับพรรคเพื่อไทย เป็นส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ซึ่งพี่น้องก็รับทราบกันดี ว่าขณะนี้นั้นรัฐบาลเองมีปัญหาหลายเรื่อง ที่ควรได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มแข็ง ไม่ว่าเรื่องการคอรัปชั่นที่พี่น้องก็รับทราบกันดีว่า มีข่าวลือในเรื่องนี้มากมาย เพราะว่ารัฐบาลนั้นมีหน้าที่ ทำหน้าที่เพื่อความถูกต้องให้กับพี่น้องทุกคน

พี่น้องทราบกันดีว่าผม เองขณะนี้อยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งที่ผมเองนั้นไปเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา และขณะนี้ผมอยู่ในเรือนจำสูญสิ้นอิสระภาพทางกาย แต่ผมไม่สูญสิ้นอิสระภาพทางใจ และอิสระภาพทางความคิด ผมพร้อมที่จะนำเสนอแนวคิดสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนในทุก เรื่องที่ผมสามารถคิดได้ มองเห็นปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหา

ผมเอง ไม่สามารถออกไปหาเสียง เพื่อไปพบปะพี่น้องประชาชน ไปรับทราบปัญหาของพี่น้องได้ ได้แต่ฝากให้ทีมงาน แล้วก็ผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยช่วยลงพื้นที่แทนผม

พี่น้องครับวันนี้ ผมเองค่อนข้างลำบากในการในการสื่อสารความคิด หรือสื่อสารข้อมูลจุดยืนเพื่อไปยังพี่น้อง เพราะว่าการอยู่ในเรือนจำนั้น เป็นสิ่งที่พี่น้องทราบกันดีว่าทำสิ่งเหล่านั้นค่อนข้างยากเพราะว่ามี ระเบียบกฎเกณฑ์ของทางกรมราชฑัณฑ์เค้าอยู่ และโดยเฉพราะในการหาเสียงเลือกตั้งนั้นเป็นประเด็นทางการเมือง ซึ่งทางรัฐบาลเค้านั้นต้องควบคุมกันอย่างเต็มที่ นั้นคือข้อจำกัดหลายๆด้าน

ผม เองอยู่ในนี้ไม่เป็นปัญหาครับพี่น้องผมทนได้ แต่ผมมีปัญหาเรื่องเดียว ผมเองก่อนหน้านี้นั้นเป็นวิศวกร เป็นนักธุรกิจ หาเลี้ยงดูครอบครัว มีลูก มีภรรยาที่ต้องดูแล วันนี้ผมมาอยู่ในเรืองจำ ไม่ได้รับโอกาสได้ประกันตัว วันนี้ภรรยาก็เคว้งคว้างขาดผู้นำครอบครัว ขาดคนหาเลี้ยงชีพ ลูกเองก็คิดถึงผมมาก เพราะก่อนหน้านี้ ก่อนที่ผมจะถูกจองจำนั้นตื่นเช้าขึ้นมาผมก็จะเล่นกับลูกทุกวันวันละ1-2 ชั่วโมง เพราะเค้าอยู่ในช่วงกำลังโต เป็นเด็กเล็กๆ น่ารัก วัย 10 เดือนเท่านั้นเอง แต่ว่าวันนี้ผมไม่มีโอกาสที่จะอยู่กับเค้า เห็นภรรยาเล่าให้ผมฟังว่า ทุกครั้งที่เค้าเห็นรูปผมเค้าก็กวักมือเรียก แล้วก็ร้องไห้ ผมเองฟังแล้วก็ได้แต่เศร้า ก็เฝ้ารอเวลาที่จะไปอยู่กับเค้า พี่น้องครับ นี้คือความเจ็บปวด นี้คือความเศร้า แต่ผมต้องทำ(นายก่อแก้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเมื่อกล่าวถึงตอนนี้)

พี่ น้องครับผมเชื่อว่าถ้าผมได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส. เป็นตัวแทนของท่านผมคงได้รับอนุญาตให้ประกันตัวเพื่อไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบ ครัว ไปอยู่พร้อมหน้า พร้อมตา พ่อแม่ลูก ถ้าพี่น้องเองเห็นใจผม ในฐานะที่ผมนั้นเป็นนักต่อสู้เพื่อสังคม เพื่อความถูกต้องของประเทศนี้ ก็ขอความกรุณาท่านนะครับ เลือกผมก่อแก้ว พิกุลทอง หมายเลข 4 พรรคเพื่อไทย เพื่อผมจะใช้โอกาสนี้ไปทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล

ณ โอกาสนี้ผมขอกราบขอบพระคุณล่วงหน้า ที่เห็นใจ เข้าใจ และให้การสนับสนุนการทำงานของผมในครั้งนี้ ขอบพระคุณมากครับ

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บก.ลายจุด บันทึก:ผมไปเยี่ยมหมอเหวงที่เรือนจำ


เป็นครั้งแรกที่ผมไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพในฐานะคนไป เยี่ยมผู้ต้องหา

ก่อนหน้านี้ผมเคยอยู่ข้างใน 11 วันในฐานะผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาทพลเอกสนธิ กับ พลเอกสพรั่ง ผมเรียกการเข้าไปในครั้งนั้นว่า "การทัศนศึกษา"

ผมได้ยินชื่อหมอเหวง ครั้งแรกสมัยที่ผมเข้าร่วมต่อสู้ในเหตุการณ์เดือน พค 35 เขาเป็นแกนนำบนเวทีที่ผมชื่นชม ก็พอ ๆ กับ พลตรีจำลอง ศรีเมือง คนนั้น

ผม มีโอกาสสนทนากับหมอเหวงครั้งแรกก็หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กย 49

ผม แนะนำตัวเองว่า ผมเป็นผลผลิตจากการต่อสู้ของคนรุ่นหมอเหวงในปี 35 ส่วนหมอเหวงเรียกผมว่า "เมล็ดพันธุ์สีแดง"

วันนี้ผมไป เยี่ยมหมอเหวงด้วยต้องการส่ง Message เดียว คือ ผมได้รับไม้การต่อสู้ในแนวทางสันติวิธีต่อให้แล้ว ผมไม่รู้หรอกว่าผมจะถือไม้นี้ได้นานแค่ไหนก่อนจะโดดกระแทกจนไม้ตก

หมอฯ ยิ้มและพูดคุยกับผมผ่านช่องสนทนาที่ต้องตะโกนคุยกันว่า "หนูหริ่ง คุณทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมมาก"
หมอฯ แกชอบพูดแบบนี้กับผมเสมอ และเกือบทุกครั้งที่แกเจอผม

ผมตอบหมอฯกลับไปว่า ผมถือไม้และได้กระจายส่งต่อไปถึงคนอีกหลาย ๆ คน และไม่ว่าผมจะต้องเผชิญกับสถานการณ์พิเศษอย่างไร จะยังมีคนทำหน้าที่นี่ต่อไปไม่จบสิ้น ผมบอกแกว่า ผมเป็นแกนนอน

ก่อน ที่เวลา 15 นาทีจะหมดลงไปในวินาทีสุดท้าย แกนนำ นปช ที่ถูกคุมขังอยู่ไม่ว่าจะเป็นก่อแก้ว วิภูแถลง และ อีกหลาย ๆ คน ต่างชูมือ และยกนิ้วชื่นชมผมผ่านกระจกแห่งอิสรภาพบานนั้น มันเป็นภาพชุดเดียวกับที่มวลชนเสื้อแดงต้อนรับผมที่ราชประสงค์เมื่อวาน

ผม ยังไม่ยอมรับว่า ผมเป็นแกนนำจนถึงวินาทีนี้

ความสำเร็จจะเกิดขึ้น ได้จริง คือ การสร้างแกนนอนจำนวนมาก เพราะนั่นคือหลักประกันว่า "เราได้ส่งไม้ต่อให้กับคนจำนวนมากแล้ว"

เผยภาพสุดท้ายก่อนป้ายราชประสงค์โดนอุ้ม



สันหลัง หวะอุ้มป้ายราชประสงค์หนี โยนบาปเสื้อแดงพ่นสเปรย์

นาย วรพจน์ อินทุลักษณ์ ผู้อำนวยการเขตปทุวัน เปิดเผยกรณีที่มีการปลดป้ายแยกราชประสงค์ ฝั่งห้างสรรพสินค้าเกษรพลาซ่าออก ว่า ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตปลดป้ายดังกล่าวออกเอง เนื่องจากตรวจสอบพบว่าป้ายดังกล่าวถูกพ่นสีสเปรย์ทั้งสีขาว และสีดำทับคำว่าแยกราชประสงค์ มีสภาพเลอะเทอะ ไม่มีความสวยงาม ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จึงจำเป็นต้องเอาออก โดยขณะนี้เตรียมทำหนังสือนำส่งไปยังสำนักการจราจรและขนส่ง(สจส.) กรุงเทพมหานคร(กทม.) ให้ดำเนินการแก้ไข และทำความสะอาด เบื้องต้นคาดว่าจะทำความสะอาดและกลับมาติดตั้งได้ภายใน 2-3 วันนี้

ทั้ง นี้สำหรับผู้ที่ทำลายป้ายแยกราชประสงค์นั้น คาดว่าจะเป็นฝีมือของผู้ที่ต่อต้านรัฐบาลโดยนำสีมาพ่นไว้ แต่เนื่องจากไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใคร ทางเขตปทุมวันจึงได้แจ้งความไว้ที่ สน.ลุมพินี เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการต่อไป เพราะป้ายสี่แยกถือเป็นทรัพย์สมบัติของทางราชการ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการปลดป้ายดังกล่าวไม่ได้มีคำสั่งจากนักการเมือง หรือผู้บริหาร กทม.แต่อย่างใด

เผยภาพและคลิปวิดิโอเสื้อแดงรำลึก2เดือนราช ประสงค์ไม่มีพ่นสเปรย์


องครักษ์ พิทักษ์ป้าย-เรื่องนี้มีเหตุจากตอนหัวค่ำวันที่ 18 กรกฎาคม กลุ่มเสื้อแดงนำโดยนายสมบัติ บุญงามอนงค์ จะนำโบว์สีแดงไปติดที่ป้ายราชประสงค์เพื่อรำลึก2เดือนเหตุการณ์ 19 พฤษภาอำมหิต แต่รัฐบาลสั่งตำรวจมาเป็นองครักษ์พิทักษ์ป้ายอย่างเข้มงวด นายสมบัติจึงได้ติดโบว์ที่รั้วใกล้ป้ายแทน และแยกย้ายกันกลับ ต่อมาตำรวจก็แยกย้ายกลับตาม


กลับ มาจุดเทียน-ในเวลาราว 22.00 น.คล้อยหลังตำรวจเลิกพิทักษ์ป้ายแล้ว นายสมบัติและคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งได้มาจุดเทียนรำลึกเหตุการณ์ 2 เดือนราชประสงค์ ณ บริเวณ ป้ายราชประสงค์


ผูก ผ้าแดง+อ่านบทกวี จากนั้นมีการผูกผ้าแดงที่ป้ายราชประสงค์ และอ่านบทกวีรำลึกวีรชนโดยดีเจอ้น วิทยุชุมชนคนแท็กซี่ บทกวีมีว่าดังนี้
เสียงระทมดัง งม สุดใจข้าฯ
เสียงบรรเลงเพลงเตือนไซร้ แทบขาดสาย
ไม่มีวัน ไม่มีเลือน หรอกเพื่อนตาย
อ้ายเพื่อนเรา หญิงชาย ถูกคร่าไป

สไน เปอร์ ใช่ คนเห็น สไนเปอร์
สติ๊กเกอร์ สีชมพู มีคนเห็น
แต่บางคนแสร้ง ตาบอด แสร้งใจเย็น
แกล้งทำเป็นไม่เห็นข้อเท็จจริง

ไม่มีแล้วความ ยุติธรรมในเบื้องหน้า
ไม่มีแม้ความเศร้าเบื้องบนไหน
ไม่เป็นไร โธ่เพื่ิอน ไม่เป็นไร
อดทนไว้ เพลานี้ ใช่วันเรา

ไฟศรัทธา อันมีค่า ให้พร้อมสู้
ไฟศัตรู ละล่องสู่ คู่ความหมาย
ต่อให้ฟ้า แดดิ้น ดับชีพวาย
ก็ไม่ช่วย ไม่จางหาย จากใจชน

ลุกขึ้นเถิด มวลชน ยอดนักสู้
ลุกขึ้นเกิด มาเป็นครู ณ สหาย
มาตอกย้ำศักดิ์ศรี อย่าเสียดาย
จดจำวันสุดท้าย
จะเอาเลือดทรราชย์ มาล้างตีน ศพเพื่อนกู!



แปะ สติ๊กเกอร์เล็กๆ-อย่างไรก็ตามในวันนั้นจากภาพจะพบว่ามีการปีนขึ้น ไปแปะสติ๊กเกอร์สีขาวเล็กๆ แต่ก็ไม่ใช่พ่นสปรย์สีดำ สีขาวจนเลอะอย่างที่ผอ.เขตปทุมวันว่า


เรียบ ร้อย-เป็นอันเสร็จพิธี นี่เป็นภาพป้ายสุดท้ายก่อนโดนอุ้มหาย

เฝ้า เสาแทนป้าย-วันต่อมาคือ 19 ก.ค.ก็เหลือแต่เสาให้ตำรวจเฝ้า...
 

©2010 กลุ่มแดงหลังตู้เย็น

ดาวน์โหลด pdf creator : Discount Cordless Screwdriver : Online Condom Store : Strathwood Chair Shop