ผู้สนับสนุน

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คลิปเพลง "แดงคอรัส" จากนักร้องสมัครเล่นเสื้อแดง 91 ชีวิต

คลิปเพลงจากวง แดงคอรัส อำนวยการฝึกซ้อมโดย "จิ้น กรรมาชน" ร่วมขับร้องโดยนักร้องอาสาสมัครกว่า 91 ชีวิต เพื่อร่วมรำลึกถึงผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุม



วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เจ็ดเดือนราชประสงค์ "โลกรู้ว่าใครสั่งฆ่าคนเสื้อแดง"





คนเสื้อแดงนับหมื่นคนไม่ลืมความตายที่ราชประสงค์
ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้เพียงแต่บอกว่า
“ ไอ้เหี้ยสั่งฆ่า อีห่าสั่งยิง ไอ้เหี้ยสังเผา"
แต่บอกว่า “โลกรู้ว่าใครสั่งฆ่าคนเสื้อแดง”



พวกเขายังคงยืนหยัด
เรียกร้องกระบวนการยุติธรรมนำตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
ในการ “ล้อมยิงโดยกระหยิ่ม” เมื่อเดือนเมษาและพฤษภาที่ผ่านมา
พร้อมกับสถิติที่ไม่น่าภาคภูมิใจใดๆ ให้กับประเทศไทย
ด้วย การยิงประชาชนตายกลางท้องถนนมากที่สุด
ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยหลัง 24 มิถุนายน 2475 ถึง 91 ชีวิต
รวมทั้งทิ้งบาดแผลไว้เตือนความทรงจำให้กับผู้คนร่วมสองพันคน



ก็ทำร้ายกันอย่างร้ายกาจซะขนาดนี้
จะทำให้พวกคนเสื้อแดงและผู้รักความเป็นธรรมลืมกันได้ง่ายๆ เชียวหรือ?



คนเสื้อแดงเขากล้ำกลืนความคับแค้นจนมันแน่นอก และเก็บเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป
พวกเขารู้ทั้งรู้อยู่เต็มหัวอกว่ารัฐประหาร 19 กันยา 2549 นั้นใครอยู่เบื้องหลังกันบ้าง
กระนั้นก็ยอมนิ่งเงียบให้รัฐบาลทหารมาหนึ่งปี

เมื่อรัฐธรรมนูญทหารปี 2550 ที่ปล้นประชาธิปไตยไปเยอะคลอดออกมา
คนเสื้อแดงก็ทนกล้ำกลืนฝืนคำ พร่ำบอกว่า
“ได้รัฐบาลจากการเลือกตั้งใหม่เมื่อไหร่ ค่อยแก้รัฐธรรมนูญ”

พวกเขาประกาศจุดยืนด้วยการเลือกพรรคที่ตัวเองนิยมกันทันที
ที่เปิดให้มีการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม 2550

แต่รัฐบาลของพวกเขาก็ไม่สามารถดำเนินการได้มากกว่า
การวิ่งหนีการไล่ล่าของพันธมิตรที่หนุนหลัง
โดย "You Know Who?" หรือที่คนเสื้อแดงเรียกว่า "ไอ้ห่า อีเหี้ย"

แต่ด้วยอำนาจการรวมตัวของเหล่าจอมมารครั้งนี้เรียกได้ว่า
ออกมาสู้ศึกเก้าทัพกันครบหมดทุกตัวตน จึงมีพลังเก่งกล้ากว่าที่เคยมีมา
และใช้มาตรการที่โหดร้ายอย่างที่คนเสื้อแดงก็คาดไม่ถึง
ทำเอาคนเสื้อแดงล้มตายและบาดเจ็บกันระนาว
และต้องถ่อยร่นไปจัดเตรียมแนวทางการต่อสู้ด้วยสันติวิธีใหม่

พรรคประชาธิปัตย์ของจอมมาร ได้ปล้นรัฐสภาไปได้เมื่อเดือนธันวาคม 2551
ได้ดำเนินงานตลอดสองปีที่ผ่านมาโดยไม่สนใจประชาชน
เพียงแค่ทำตามโองการจากสวรรค์ และกองทัพเท่านั้น
ก็เพียงพอที่จะรักษาอำนาจไว้ได้แล้ว ไม่ต้องพึ่งประชาชน



ความคับแค้นฝังแน่นอกมากขึ้นเรื่อยๆ
คนเสื้อแดงต้องสังเวยให้กับความรักมากกมายเกินพอแล้วในรอบสี่ปีที่ผ่านมา . .
อย่าทำให้พวกเขาแปรเปลี่ยน "ความรักฝังใจ" เป็น "ความแค้นแน่นอก" มากไปกว่านี้เลย

เมื่อลุกขึ้นมาเรียกร้องให้ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่โดยทันที
เพื่อคืนระบบประชาธิปไตยให้ปวงชน พวกเขาสังเวยด้วยชีวิต เลือด และน้ำตา

รัฐบาลอภิสิทธิ์ยื้ออำนาจตัวเองด้วยการทำลายกระบวนการยุติธรรม
และความน่าเชื่อถือของทุกสถาบันในการเมืองไทยลงไปอย่างไม่เหลือชิ้นดี

ณ ขณะนี้ เขามีเพียงอาวุธปืนเท่านั้นที่จะค้ำอำนาจของเขาไว้ได้
ถ้าไม่ประกาศการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด เพราะการอ้างความสงบเรียบร้อย
โดยเอา "ชาติ​​ ศาสน์ กษัตริย์" นำหน้าประชาชนตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ต่อคนหมู่มากอีกต่อไป
ด้วยการเมืองเอียงกะเท่เร่ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา
จนแม้แต่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเอเชีย
ได้เรียกประเทศไทยว่า “รัฐทหาร” ไปเรียบร้อยแล้ว



กระแสปรองดองกับแกนนำ นปช. บางคน
จึงไม่สามารถปรองดองกับคนเสื้อแดงทุกกลุ่มได้
และการปรองดองจะไม่เกิดขึ้นเลย
ถ้าคนทุกกลุ่มในสังคมไม่รู้สึกว่าตัวเองได้รับความยุติธรรม
และแกนนำเสื้อแดงก็จำต้องตระหนักในความจริงข้อนี้ว่า
การต่อสู้ต่อไป ต้องจัดให้มีกระบวนการตัดสินใจให้เป็นประชาธิปไตยให้มากที่สุด
และก่อนจะคิดปรองดองอะไรต้องถามคนเหล่านี้ด้วย โดยเฉพาะ

ญาติของผู้เสียชีวิต 91 คน
ตัวผู้บาดเจ็บและครอบครัวร่วม 2,000 คน
ตัวผู้ถูกคุมขัง 400 คน และครอบครัวและญาติพี่น้องของเขา
รวมทั้งประชาชนที่ “ตาสว่าง” อีกหลายล้านคน

เขาเหล่านี้จะยอมปรองดองด้วยหรือไม่?
นี่คือความเป็นมาที่ว่ามันไม่ “ลืม” กันได้ง่ายๆ อีกต่อไป

นี่ยังไม่รวมประชาคมโลกที่รับไม่ได้กับการเมืองระบอบเผด็จการทหาร



นี่คือสัญญาณบ่งบอกว่ามันจะไม่มีการหยุดสู้เพื่อประชาธิปไตย
ในประเทศไทยอย่าปิดตากับความจริงว่า
ทำไมคนเสื้อแดงถึงไม่เคยมีจำนวนลดลงเลยนับตั้งแต่ปี 2551

เปิดตายอมรับความจริงเสียทีว่า “คนเสื้อเหลือง” ไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
และความจริงที่ว่าทำไมคนเสื้อเหลืองถึงระดมมาได้แค่ไม่ถึง 500 คน
แม้ว่าจะได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่เช่นนั้น
ในขณะที่คนเสื้อแดงเจอทั้งสไนเปอร์ M 79 ความตาย คุก และหมายจับ
ก็ยังมากันเต็มท้องถนนได้ทุกครั้งที่มีการระดมพล

นี่ไม่ใช่เรื่องการจัดตั้งโดยพรรคการเมือง หรือโดยส่วนกลางเพียงกลุ่มเดียว

นี่คือเจตนารมย์ร่วมของทุกการต่อสู้ เพื่อปลดแอกสังคมออกจากเหลือบที่เกาะกิน

พวกเขามาพร้อมกับคำประกาศที่ทะลุทะลวงกำแพงแห่งความกลัว
และก้องกังวาลถึงสวรรค์ชั้นฟ้าว่า "ฟ้ากับดินนั้นเท่ากัน"



แม้ว่าตลอดเจ็ดเดือนที่ผ่านมา
รัฐบาลอภิสิทธิ์ ยังไม่ยกเลิกประกาศให้กรุงเทพเป็นพื้นที่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน
และคงอำนาจ ศอฉ. เอาไว้
พวกคนเสื้อแดงก็ยังคงประกาศชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกันว่า
 “ไม่ยอมอำนาจที่มาด้วยความไม่ชอบธรรมอีกต่อไป”

คนเสื้อแดงจัดกิจกรรมรำลึกถึง
เหตุการณ์สังหารประชาชนทุกอาทิตย์ ทุกเดือน และในทุกพื้นที่สีแดง

พวกเขาเริ่มด้วยการตั้งคำถามว่า
“ใครสั่งฆ่า”
“อภิสิทธิ์คือฆาตรกร”
“ต้องหาคนผิดมารับโทษ”
ขณะเดียวกันก็เปิดโปงหลักฐานมาตอบโต้รัฐบาลที่พยายามป้ายสีว่า
“คนเสื้อแดงฆ่ากันเอง”
และว่าเป็นฝีมือ “ไอ้โม่งดำ”
คนเสื้อแดงก็สามารถหักล้างได้หมดทุกข้อ
พร้อมทั้งหาตัวฆาตกรฆ่า 6 ศพที่วัดปทุมฯ
จนได้ชื่อออกมาครบทุกคน
เหลือแต่รัฐบาลเท่านั้นแหล่ะที่จะต้องหยุดเล่มเกมอำนาจ
ที่นับวันจะพาทั้งประเทศเข้าใกล้หายนะไปมากขึ้นเรื่อยๆ



หลายเดือนผ่านไปพร้อมกับความเงียบเฉยของทุกกลไกของทั้งรัฐบาล ตำรวจ และศาล
ในงานรำลึกคนเสื้อแดงเขียนระบายว่า
“คนเจ็บถูกใส่ร้าย คนตายถูกกล่าวหา คนสั่งยังลอยหน้า คนฆ่ายังลอยนวล” และ
“ไอ้เหี้ยสั่งฆ่า อีหมาสั่งยิง ไอ้เหี้ยสั่งเผา”

ต้นเดือนธันวาคม
ภาพข่าวเหตุการณ์เผาเซ็นทรัลเวิร์ด ออกมาสู่สายตาสาธารณะชน
ที่ไม่ใช่สื่อปิดบล๊อคเท่านั้นที่นำเสนอ
แม้แต่เครือมติชนก็เงียบเฉยไม่ได้อีกต่อไป นำเสนอชุดภาพเหตุการณ์ต่อสาธารณชน

นี่คือภาพจากสำนักข่าวรอยเตอร์ที่รายงานการรวมตัวของคนเสื้อแดงวันนี้ วันที่ 19 ธันวาคม



คนเสื้อแดงเขียนเป็นภาษาอังกฤษเพื่อบอกกับชาวโลกว่า “
"The world know who command to kill Red Shirt people"
แปลเป็นภาษาไทยว่า "โลกรู้ว่าใครสั่งฆ่าคนเสื้อแดง"

นับแต่นี้ต่อไป คนเสื้อแดงจะไม่สู้อย่างโดดเดี่ยวในประเทศเท่านั้น
ขอบคุณวิกีลีกค์
ขอบคุณเดอะการ์เดี้ยน
รอยเตอร์
บีบีซี
ที่ตระหนักในการทำหน้าที่สื่ออย่างเที่ยงธรรม
ที่สื่อไทยจำนวนมากต้องปิกปาก ไม่สามารถจะพูดถึงมันได้อย่างตรงไปตรงมา
 

©2010 กลุ่มแดงหลังตู้เย็น

ดาวน์โหลด pdf creator : Discount Cordless Screwdriver : Online Condom Store : Strathwood Chair Shop