ผู้สนับสนุน

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

ตำรวจชี้ช่องเสื้อแดงใช้สิทธิ์ฟ้องศาลโลก สื่อออสซี่ทึ่งขบวนการต่อสู้ฟื้นเติบใหญ่โดยไม่พึ่งแกนนำ



อภิปราย: เสื้อแดงควรจะฟ้องศาลโลก

บางกอก โพสต์รายงานว่า กลุ่มผู้สนับสนุนเสื้อแดงที่ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมของการประท้วง ต่อต้านรัฐบาลในช่วง เมษายน-พฤษภาคม ได้รับการสนับสนุนให้ยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ

ในการ อภิปรายในเรื่องการใช้กำลังทางทหารเข้าสลายการชุมนุมต่อแนวร่วมเพื่อ ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) พ.ต.ท.ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ผู้ร่วมอภิปรายจากสำนักงานอุทธรณ์และฎีกาคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเมื่อวานว่า ญาติของผู้ตายในเหตุการณ์สามารถยื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อศาลยุติธรรมระหว่าง ประเทศ แม้ว่าประเทศไทยจะไม่ได้เป็นสมาชิกของศาลโลก

นายตำรวจท่าน นี้กล่าวว่า คดีอาญาต่อมนุษยชน (crimes against humanity) ไม่มีอายุความ และเขาเชื่อว่าเหตุการณ์เสื้อแดงจะส่งฟ้องได้เพราะเป็นการสังหารหมู่ของ พลเรือนจำนวนมาก เป็นกรณีที่ปฏิเสธไม่ได้

การอภิปรายนี้ มีผู้ร่วมเข้าฟังเป็นคนเสื้อแดงประมาณพันคน ซึ่งจัดโดยศูนย์ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบในการสลายการชุมนุมในช่วงเมษายนถึง พฤษภาคม 2553 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์นี้ร่วมกันจัดตั้งขึ้นโดยกลุ่มผู้ที่เห็นใจกลุ่มเสื้อแดง นักเคลื่อนไหวทางสังคม และนักวิชาการ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคนตายทั้ง 92 คน ในช่วงหลายเดือนที่มีการชุมนุม

พ.ต.ท. ศิริพล กล่าวว่าคนชนชั้นกลางที่ยังไม่ได้พูดเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดง เพราะว่าสื่อกระแสหลักเขียนภาพกิจกรรมของเสื้อแดงให้ออกมาในรูปที่ไม่เหมาะ สม

ผู้ร่วมอภิปรายอีกราย สมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่าคนเสื้อแดงและครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตที่ร่วมชุมนุมจะต้องใช้ เวลายาวนานในการฟ้องร้องคดีสู้กับคนที่ทำร้ายพวกเขา หากคนชนชั้นกลางที่มีการศึกษาที่มีอำนาจทางสังคมไม่เรียกร้องให้พวกเขา

อาจารย์ สมชายแนะนำให้คนเสื้อแดงที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวของเหยื่อที่เสียชีวิต รวบรวมหลักฐานและคำให้การของพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์การสลายชุมนุมของทหาร ให้เป็นระบบ

หลักฐานและข้อมูลจะเป็นประโยชน์ต่อการฟ้องร้องผู้ที่ทำร้ายพวกเขาในอนาคต

เวบออสเตรเลีย:ข้อพิสูจน์ต่อชนชั้นกลางว่าเสื้อแดงไม่ได้ต่อสู้เพื่อคนๆเดียว


โดย ปีเตอร์ บอยล์ รายงานในเวบไซต์greenleftในออสเตรเลีย ว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมานี้ ผู้ชุมนุมประท้วงประมาณหนึ่งหมื่นคน ของการฟื้นคืนชีพของการเคลื่อนไหวเสื้อแดงในประเทศไทย (เป็นที่รู้จักในนามของแนวร่วมเพื่อประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ) บนท้องถนนท้าทายต่ออำนาจปกครอง

สำนักข่าว Green Left Weekly รายงานว่า “เป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งจริง ๆ ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ค่อนข้างที่จะแน่ชัดว่าจะเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ”

“ประมาณเที่ยง ค่อนข้างแน่ชัดว่าจะมีคนเข้าร่วมประมาณ 10,000 คน และสี่แยกจะมีคนเต็มไปหมด โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความเบิกบานและสันติตลอดทั้งวัน คุณสามารถพบกลุ่มคนมาร้องเพลงและเต้นรำทำเพลง”

“ไม่ มีใครถูกจ้างมา ทุกคนมาด้วยความตั้งใจโดยไม่มีการชักนำเรียกให้พวกเขามาที่นี่ เสื้อแดงหลายคนตอนนี้ทำตามคำขวัญ ‘ทุกคนคือผู้นำของตนเอง’ ”


“ข้อ กล่าวหาของชนชั้นนำที่ว่า คนพวกนี้ไม่ใช่ผู้ประท้วงที่แท้จริง เพราะเสื้อแดงเป็นพวกที่ถูกจ้างมาช่วย [อดีตนายกรัฐมนตรี] ทักษิณ ชินวัตร ถูกพิสูจน์ว่าไม่เป็นความจริง”

“ความคิดเดียวที่ผมเป็นห่วงตอนนี้คือ ชนชั้นนำจะนึกขึ้นได้ว่า พวกเขาไม่มีโอกาสในการเลือกตั้งทั่วไปในอนาคตอีกต่อไป อาจจะมีการรัฐประหารจากพวกโบราณสุดโต่งรอบ ๆ ผบ.ทบ. คนใหม่”

“สิ่งเดียวที่จะเกิดขึ้นคือ เสื้อแดงจะสู้ต่อไป!”

ถูกใจให้กระจาย'ป้ายไพร่'ทั่วไทยทั่วโลก


ป้าย ที่ติดบนเกาะกลางถนนในจังหวัดน่าน เจ้าของป้ายเผยไม่สงวนลิขสิทธิ์ พี่น้องอยากทำซ้ำเลียนแบบไปติดตามถนนหนทางที่จังหวัด อำเภอ เทศบาล อบต. หมู่บ้าน หรือซอยไหนตามสะดวก เพราะไม่ได้ผิดกฎหมาย ไม่ได้หมิ่นประมาทใคร เว้นแต่ใครจะเดือดร้อนไปเอง ก็คงช่วยอะไรไม่ได้






วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

คลิปร้อน!! อภิสิทธ์ถูกคนไทยไล่ กลางนิวยอร์ค

ชมรมฯคนไทย ในอเมริกา ไปรวมตัวกันหน้าโรงแรมที่พักของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยกป้ายและตะโกนโห่ร้องขับไล่นายกรัฐมนตรีมือเปื้อนเลือดของไทย ระหว่างเยือนสหรัฐอเมริกา




วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

จรัล ดิษฐาภิชัย: 4 ปี หลังการรัฐประหาร – 19 กันยายน 2549


หมายเหตุ: จรัล ดิษฐาภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของประเทศไทย เข้าร่วมขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนเป็นเวลา 40 ปี ก่อน 14 ตุลาคม 2516 เขาเป็นผู้นำนักศึกษาและผู้ชักนำระบอบประชาธิปไตยต่อต้านรัฐบาลทหาร หลังจากการสังหารหมู่นักศึกษาวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เขาได้ร่วมกับการเคลื่อนไหวปฏิวัติในต่างจังหวัด ในช่วง 20 ปีให้หลังเขาเป็นผู้ที่อุทิศตนในเรื่องสิทธิมนุษยชน เขาถูกจับกุมตัวที่พม่าในเดือนสิงหาคม 2531 ในฐานะสนับสนุนประชาธิปไตย

19 กันยายน 2553 เป็นวันครบรอบปีที่ 4 นับจากการรัฐประหารครั้งสุดท้ายในประเทศไทย ซึ่งนำพาไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองและสังคมที่เลวร้ายที่สุดในประวัติ ศาสตร์ของประเทศไทย ในการที่จะเข้าใจการรัฐประหารที่ต่อต้านรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เราต้องเข้าใจว่าเขานั้นได้รับการขนานนามว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการ นิยมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ พรรคไทยรักไทย (ทรท) เข้าสู่อำนาจในปี 2544 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่พรรคการเมืองพรรคเดียวชนะการเลือกตั้ง มากกว่า 50% ของรัฐสภา สามารถที่จะตั้งรัฐบาลพรรคเดียว พรรคนี้ชนะการเลือกตั้งส่วนหนึ่งเพราะการรณรงค์หาเสียงที่เน้นไปที่ประเด็น ของ สวัสดิการสุขภาพราคาถูก และกองทุนกู้ยืม ประเด็นเหล่านี้เป็นและยังคงเป็นสิ่งสำคัญต่อประชาชนในชนบทของประเทศไทย ซึ่งเทคะแนนเสียงให้กับพรรคไทยรักไทยอย่างท่วมท้น

และอีกเช่นกัน เป็นเพราะความมุ่งมั่นสูงของ ทรท. พรรคได้เริ่มการบริหารจัดการนโยบาย ดังนั้นจึงมีการแทรกแซงต่ออาณาบริเวณของวัฒนธรรมของระบบราชการ เป็นครั้งแรกที่ข้าราชการถูกผลักดันให้ทำตามคำสั่งและนโยบายซึ่งริเริ่มโดย คนที่มาจากการเลือกตั้ง การบริหารของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณช่วยให้ประชาชนเข้มแข็งและเชื่อมั่นใน ความเป็นไปได้ของการบริหารจัดการที่ดีที่ทำให้ความเชื่อในเรื่องสังคมและการ เมืองเข้มแข็งขึ้น


ประชาชน ไทยได้รับการปลุกใจโดยทักษิณตลอด 5 ปีที่เขาอยู่ในอำนาจ ซึ่งอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย พลเมืองสามารถแสดงเจตจำนงค์ของเขาและเธอสู่รัฐบาลและเสียงของเขาถูกได้ยิน นโยบายของทักษิณกำหนดให้ข้าราชการรับใช้สาธารณะ ไม่ไช่สวนอีกทางหนึ่ง ถ้าระบบราชการแบบเก่งปล่อยให้ทักษิณและความคิดของเขายังดำรงอยู่ ความเข้มแข็งของระบบราชการจะอ่อนแอลงอย่างมาก และแน่นอนว่านโยบายของทักษิณที่จะทำให้การเมืองในชนบทเข้มแข็งเป็นที่ทราบ ว่าเป็นภัยต่อระบบราชการแบบเก่าและประโยชน์ของ “ชนชั้นสูง”

นโยบาย ที่ไทยรักไทยรณรงค์เป็นครั้งแรกที่ทำให้ประเทศไทยมีรัฐบาลที่เข้มแข็งมี เจตนารมณ์ที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ความนิยมต่อไทยรักไทยที่ท่วมท้นทำให้เกิดสูญญากาศทางการเมืองต่อฝ่ายตรงข้าม ทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ ที่อ่อนแอและไม่มีอิทธิพลต่อความนิยมของทักษิณ ซึ่งไม่มีบัญญัติทางกฎหมายหรืออำนาจที่จะสร้างสมดุลอำนาจที่แตกต่าง ที่จุดนี้หลังจาก 4 ปีผ่านไป คนทำงานทางสังคมและนักวิชาการ ซึ่งโดยธรรมชาติจะต่อต้านรัฐบาล พบว่าเริ่มไม่ไหวกับรัฐบาลของดร. ทักษิณ มากขึ้น มากขึ้น ไม่ใช่แต่เพียงข้าราชการและ “ชนชั้นสูง” เท่านั้น แต่กองทัพก็ไม่วางใจต่อนโยบาลของรัฐบาลทักษิณมากขึ้นด้วย

นายก รัฐมนตรีทักษิณยังคงรักษาการรณรงค์รับประกันต่อประชาชนในชนบทและให้ความ สำคัญกับการพัฒนาและสวัสดิการทางสังคม ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับกองทัพ ซึ่งโดยวัฒนธรรมดั้งเดิมจะได้รับงบประมาณจากรัฐบาลมากมายมหาศาล ปรากฎแน่ชัดว่าการใช้จ่ายของกองทัพไม่มีทางที่อยู่ในลำดับต้น ๆ ของรายการ ไม่มีกลยุทธวิธีการอื่นใด ฉากถูกจัดขึ้นสำหรับกองทัพที่สร้างพันธมิตรกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและเริ่ม ต้นกระบวนการที่ทำให้เจตนารมณ์ทางการเมืองคดงอ

กอง ทัพรอจนกระทั่งฝ่ายที่เคลื่อนไหวต่อต้านทักษิณสร้างป้อมปราการท่ามกลาง ปัญญาชน สถาบันพระมหากษัตริย์ นักเคลื่อนไหวทางสังคมของเอ็น จี โอ ชนชั้นกลาง และสื่อสารมวลชน จนกระทั่งทั้งหมดนี้รวมตัวกันแล้ว กองทัพก็เข้ามายึดอำนาจ

พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ทำการรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549 ลักษณะการรัฐประหารนี้แตกต่างจากการรัฐประหารก่อน ๆ อย่างแรกคือ การได้รับการสนับสนุนโดยปัญญาชน คนชนชั้นกลางและสื่อสารมวลชนกระแสหลัก

ลักษณะ ที่สองคือ “การเคลื่อนไหวทางสังคม” ที่เฉพาะเจาะจงจะเป็น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นหัวหอกทางความคิดในการให้ความชอบธรรมกับการรัฐประหาร สนธิ ลิ้มทองกุล นำ พันธมิตรฯ และอุดมการณ์ “การเมืองใหม่” ซึ่งยึดโยงกับ “ชนชั้นสูง” ซึ่งคาดว่าจะไม่คอร์รัปชั่น และยังคงปกครองอยู่เหนือการเมืองไทยและสภาพโดยรวมของรัฐบาล

สิ่งที่ โดดเด่นและน่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างที่สุดคือการเข้ามาแทรกแซงในการเมือง ขององคมนตรี องคมนตรีเป็นผู้พาผู้นำการรัฐประหารเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์ตอนเที่ยงคืนและ ขอพระบรมราชานุญาตให้ทรงรับรองการยึดอำนาจมีความชอบธรรมทางกฎหมาย

คณะ เผด็จการทหารได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวและประกาศแต่งตั้งคณะรัฐบาล และสภานิติบัญญัติแห่งชาติขึ้น โดยแอบอ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่แท้จริงแล้วคนที่ได้รับการแต่งตั้งเหล่านั้นไม่ได้เป็นตัวแทนของประชาชน คนใด นอกจากของคณะเผด็จการทหาร กลุ่มคนชั้นสูง และขบวนการต่อต้านทักษิณเท่านั้น เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ร่างเสร็จ รัฐบาลของเผด็จการทหารได้ดำเนินการให้มีการรับรัฐธรรมนูญวันที่ 19 สิงหาคม 2550 ภายใต้การควบคุมและแทรกแซงของฝ่ายทหาร และได้ประกาศใช้เป็นกฎหมายในที่สุด

ใน ขณะเดียวกัน คณะเผด็จการทหารได้จัดกลไกให้เกิดการยุบพรรคไทยรักไทย ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะลดอำนาจของเหล่านักการเมืองที่เลือกขึ้นมาโดยประชาชน ขณะเดียวกันก็สร้างความเข้มแข็งให้กับอำนาจของฝ่ายข้าราชการ จากนั้นระบบการปกครองของประเทศไทยได้เปลี่ยนเป็นอำมาตยาธิปไตย ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริงอีกต่อไป และจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่เราจะพลิกฟื้นหลักนิติรัฐกลับมาใหม่

ตาม รัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ การเลือกตั้งถูกจัดให้มีขึ้น นับเป็นการเลือกตั้งที่มีการทุจริตและโกงมากที่สุด คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลการเลือกตั้ง กลับไม่ได้ทำหน้าที่ที่พึงกระทำ ทั้งนี้เพราะคณะกรรมการชุดนี้แต่งตั้งมาโดยคณะเผด็จการทหาร กระนั้นก็ตาม พรรคพลังประชาชนก็ชนะการเลือกตั้ง และนายสมัคร สุนทรเวชก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

ภายใน 3 เดือน พันธมิตรฯ ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนการรัฐประหาร เริ่มต้นประท้วงและยึดสถานี NBT ทำเนียบรัฐบาล และสนามบินสุวรรณภูมิ ในเวลาเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์นายกรัฐมนตรี 2 คน รวมทั้งพรรคพลังประชาชนทางการเมือง 5 ปี ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงต่อพรรคการเมืองที่พวกเขาสนับสนุน นั่นก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นรัฐบาลที่กองทัพแต่งตั้ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากในค่ายทหาร



ครั้ง นี้ คนเสื้อแดงมีเป้าหมายไปที่รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมของอภิสิทธิ์และผนวกการชุมนุม 6 ครั้ง และครั้งสุดท้ายในช่วง 12 มีนาคม – 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งถูกสลายโดยกองทัพ เป็นผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ราย และบาดเจ็บอีก 2,000 คน แม้ว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงจะถูกทำให้ภายใต้การควบคุม อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคำถามที่หนักหน่วงเกี่ยวกับอนาคตของการเมืองไทย

โดย สรุป การรัฐประหาร 2549 ทำให้ประเทศไทยถอยหลังไป 50 ปี ประการแรก ไม่แต่เพียงหยุดกระบวนการประชาธิปไตยที่ดำเนินไปด้วยดีในช่วง 74 ปีของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยเท่านั้น แต่เพิ่มวิกฤตการณ์ทางการเมืองอย่างทวีคูณ

อย่างที่สอง ทำให้กองทัพกลับมามีบทบาททางการเมืองอีกครั้ง รัฐบาลปัจจุบันในความเป็นจริงเป็นรัฐบาลพลเรือนผนวกกับกองทัพ และสุดท้ายการรัฐประหารทำให้ความแตกแยกของเสื้อเหลืองและเสื้อแดงกว้างและ ลึกมากขึ้น จนกระทั่งบัดนี้ความแตกแยกนี้ปรากฏในทุก ๆ ที่ และแบ่งแยกทุกองค์กรจากระดับประเทศสู้ระดับครอบครัว ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย

ประเด็นสุดท้ายที่ข้าพเจ้าต้อง การที่จะเตือนความจำว่า ตั้งแต่การปฏิวัติประชาธิปไตย 2475 ซึ่งยุติระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาจนกระทั่งปัจจุบันนั้น ที่ผ่านมา มีการรัฐประหารไป 10 ครั้งที่สำเร็จ กระทั่งวันนี้ สภาพแวดล้อมทางการเมืองยังคงสุกงอมสำหรับการรัฐประหารครั้งต่อไป การป้องกันการรัฐประหารอีกครั้งนั้นก็คือหลักการที่สำคัญของคนไทยและชาวโลก ที่รักอิสรภาพและประชาธิปไตย ข้าพเจ้าเรียกร้องให้ประชาคมโลกใส่ใจต่อสถานการณ์ในประเทศไทยในขณะนี้ด้วย เถิด

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

ไฮไลต์ภาพกิจกรรม4ปีปล้น4เดือนฆ่าAround The Worldรำลึก19กันยาทุกมุมโลก



กรุงเทพฯ

ไฮไลต์-สมา ชิกนปช.หรือเสื้อแดงจุดเทียนรำลึกผู้วายชนม์จากการปราบปรามในเหตุการณ์ ชุมนุมเมื่อเดือนพฤษภาคม ทั้งนี้ผู้ชุมนุมได้เพิกเฉยต่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินห้ามการชุมนุมทางการ เมืองที่รัฐบาลคงยังประกาศใช้อยู่ในนครหลวงของไทย นี่เป็นการชุมนุมใหญ่หนแรกนับตั้งแต่ทหารเข้าสลายการชุมนุมที่ยุติลงอย่าง นองเลือด



ราชประสงค์-คนเสื้อแดงนับหมื่นร่วมชุมนุมรำลึก 4 ปีรัฐประหาร 4 เดือนสังหารหมู่ราชประสงค์

อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย:นิสิต นักศึกษาจากเครือข่ายจุฬาเพื่อประชาชน และประชาคมธรรมศาสตร์ต่อต้านเผด็จการไปวางพวงหรีดเพื่อไว้อาลัยประชาธิปไตย ในโอกาส 4 ปีรัฐประหาร 19กันยาฯ

เชียงใหม่



เชียงใหม่-เสื้อ แดงเชียงใหม่และภาคเหนือออกมาต่อนรับขบวนแรลลี่กรุงเทพฯ-เชียงใหม่อย่าง เนืองแน่น และมีขบวนพาเหรดล้อเลียนการเข่นฆ่า-คุมขังคนเสื้อแดงอย่างไม่เป็นธรรม และการตัดสินลงโทษอาชญากรจากศาลประชาชน

ภูมิภาค

หน้าศาลากลางทั่วประเทศ-เสื้อ แดงระยองชุมนุมผูกผ้าแดง และปล่อยลูกโป่งแดงหน้าศาลากลางจังหวัด มีรายงานเสื้อแดงอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศร่วมจัดกิจกรรมนี้ เช่น หนองคาย ส่วนเสื้อแดงภาคใต้ รวมตัวกันจัดกิจกรรมที่สงขลา
สงขลา-แดง ปักษ์ใต้ โดยกลุ่มรักประชาธิปไตยจังหวัดสงขลา มี ศ.ดร.พล.ท.สมชาย วิรุฬหผล และ พล.ต.ต. ธวัช บุญเฟื่อง เป็นวิทยากรรับเชิญ ผู้จัดงานบอกว่า ต้องการให้ฝ่ายประชาธิปัตย์ ฝ่ายเผด็จการโดยอาศัยอำนาจรัฐได้รู้ว่า อย่าคิดเหมาว่าคนทางใต้จะเป็นพวกเอ็งเสียหมด คนที่รักความเป็นธรรมแต่จำต้องอยู่ภายใต้อำนาจรัฐ โดยการบริหารงานของนายกฯฆาตกรยังมีอยู่ในถิ่นนี้อีกมาก วิทยากรทั้งสองท่านได้ให้ความรู้ถึงผลร้ายของการมีรัฐประหารเมื่อ 4 ปีก่อน และยังได้กล่าวอีกว่า ชัยชนะใกล้มาถึงแล้ว ขอให้อดทนรอ มีแต่คนโง่ๆในเมืองไทยบางคนเท่านนั้นที่ไม่ยอมรับการต่อสู้ของคนเสื้อแดงที่ เค้ากำลังต่อสู้เพื่อปลดแอกให้กับประชาชนทั้งประเทศ แต่ต่างประเทศนั้นเขาเข้าใจ และติดตามเอาใจช่วยพวกเราอยู่ ไม่นานเมื่อน้ำลด ตอจะผุด แล้วพวกบัวใต้น้ำก็จะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาเอง ยกเว้นพวกที่รักและหวงแหนในผลประโยชน์ของตนเท่านั้น ที่ยังคงเวียนวนอยู่ในอ่างเพื่อความสุขสบายของตัวและพวกพ้องพวกนี้ล่ะจะไม่ ยอมให้ฝ่ายประชาชนเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ


ต่างประเทศ

ฮัมบวร์ก-เสื้อแดงภูมิภาคยุโรปนัดรวมตัวกันที่เมืองฮัมบวร์ก เยอรมนี จัดกิจกรรมRed Around The World และมีโฟนอินจากพง๖.ท.ทักษิณ


ออสเตรเลีย-Thai Red Australia หรือพลังประชาธิปไตยไทยออสเตรเลีย จัดงานที่ Sydney Town Hall โดยมีคุณ คอเนอร์ เดวิด เพอร์เซล ได้ไปร่วมกิจกรรมครั้งนี้ และได้พูดถึงการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ในการปราบปรามประชาชนที่มาร่วมชุมนุมอย่างสันติ รวมถึงการกระทำอันไม่ชอบด้วยหลักสากลในการสลายการชุมนุม การใช้กองกำลังผิดประเภท และยังได้เล่าถึงประสบการณ์ซึ่งเขาได้โดนยัดข้อหา และเบี่ยงประเด็นของกระบวนการยุติธรรมไทยซึ่งตกเป็นเครื่องมือของเผด็จการ, การถูกทารุณและการปฏิเสธการขอการรักษาพยาบาลขณะที่ได้รับบาดเจ็บจากการทารุณ อยู่ในเรือนจำ การถูกซ้อมในเรือนจำโดยผู้คุม, ความล้มเหลวขององค์กรสิทธิมนุษยชนและกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย พร้อมกับยื่นข้อเรียกร้องประชาธิปไตย


เดนมาร์ค-กลุ่มอิสระเสรีชน หรือ นปช.เดนมาร์ก รวมตัวกันทำบุญ ณ วัดไทยเดนมาร์ก พรหมวิหาร

อเมริกา



อเมริกา/ฟลอริด้า-เสื้อแดงในฟลอริด้าร่วมกิจกรรม Red around the world พร้อมทั้งปล่อยลูกโป่งแดงเบิกตาฟ้า รวมทั้งออกแถลงการณ์เรียกร้อง

- ให้ปล่อยตัวแกนนำ มวลชนคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังอยู่ทั่วประเทศโดยทันที
- ให้นายกรัฐมนตรียุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน
- ให้รัฐบาลรับผิดชอบต่อการปราบปรามผู้ชุมนุมในเดือนเมษา-พฤษภา โดยการเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
- ให้ผู้เสียหายฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศเข้ามาดำเนินการกับผู้มีส่วนร่วม ในการปราบปรามประชาชนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็วที่สุด



อังกฤษ


ลอนดอน-ใน โอกาสครบรอบ 4ปีการทำรัฐประหาร นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความสิทธิมนุษยชน ได้เข้าร่วมกิจจกรรมคนเสื้อแดง ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยได้พูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่เข้าร่วมกิจกรรม และแจกสมุดปกขาวอีกด้วย

เขาได้กล่าวกับกลุ่มคนเสื้อแดงว่า “คนไทยและนานาชาติต่างรับรู้ว่ารัฐบาลไทยพยายามปิดบังความจริง รัฐบาลกระทำการตรงกันข้ามกับแนวทางการสมานฉันท์ที่พวกเขาพูดถึง โดยการขังฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง เลื่อนตำแหน่งให้กับกลุ่มฆาตกรที่สังหารประชาชน และการกระทำของรัฐบาลไทยทำให้รัฐบาลหลายประเทศขุ่นเคือง จากวันนี้ไป รัฐบาลไทยจะอยู่ในอำนาจอีกไม่กี่เดือน ประชาคมโลกได้ตระหนักแล้วว่าสิ่งที่รัฐบาลทหารหนุนหลังนี้เกรงกลัวมากที่สุด คือประชาชนคนไทย พวกเขาเรียกตัวเองว่าพรรคประชาธิปัตย์ แต่กลับใช้มาตรา 112 กลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้าม ปิดปากประชาชนไม่ให้พูดความจริง พวกเขาต้องการให้พวกเราดำรงชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวที่จะแสดงความคิดเห็น หากเราไม่ช่วยกันสอบสวนเหตุการณ์ฆ่าหมู่อย่างจริงจัง ก็จะมีเหตุการณ์อย่างการฆ่าหมู่ในเดือนเมษายน/พฤษภาคมที่ผ่ามมา พฤษภาทมิฬ

และ เหตุหารณ์ฆ่าหมู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปี 2519 เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเราจะต้องไม่ปล่อยให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีก
สวีเดน


ฟินแลนด์

Clip บางส่วนการชุมนุมเสื้อแดง 19 ก.ย. 53

คลิปการชุมนุมที่ราชประสงค์เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.

สไลด์ภาพจากรอยเตอร์/AFP


"ตาสว่างทั้งแผ่นดิน" ที่เชียงใหม่
 
คลิปสดเวลาประมาณ 17.30

 
สปริงนิวส์รายงานจากจ.เชียงใหม่

 
ลูกโป่งสู่ท้องฟ้า 19 กันยา 53

 
แดงนานาชาติราษฎร์ประสงค์ 19 กันยา 53

 
กิ๊บเก๋พาเที่ยว แยกราชประสงค์

Gag Lasvegas Cartoon


 

©2010 กลุ่มแดงหลังตู้เย็น

ดาวน์โหลด pdf creator : Discount Cordless Screwdriver : Online Condom Store : Strathwood Chair Shop