ผู้สนับสนุน

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ขาย งู Green Mamba (กรีนแมมบ้า)

งู Green Mamba (กรีนแมมบ้า) มีขายจริงในเมืองไทย

หลังจากที่เมื่อวานมีข่าวงู Green Mamba หลุดไป สร้างความหวาดหวั่นให้กับชาวบ้าน เราเองคิดว่าในประเทศไทยนี้คงมีแค่คนนี้คนเดียวที่เลี้ยงเจ้างูสายพันธุ์ อันตรายนี้

วันนี้เราว่างๆ เลยหาข้อมูลงู Green Mamba เพิ่มเติม เราก็ได้ไปเจอเว็บไซต์ขายสัตว์เลี้อยคลายเว็บนึง ประกาศขายงูนี้ พร้อมทั้งยังประกาศขายงู Black Mamba ที่มีพิษร้ายแรงกว่างู Green Mamba ซะอีก

ได้เพียงแต่หวังว่าผู้ที่เลี้ยงสัตว์มีพิษร้ายแรงแบบนี้ จะดูแลสัตว์เลี้ยงของตนเองเป็นอย่างดี ไม่ปล่อยให้หลุดออกมาอีก
ภาพด้านล่างเป็นข้อความบางส่วนในเว็บของกลุ่มผู้นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้อยคลานในประเทศไทย







เหมือนมีเจตนาให้น้ำท่วม

หมัดเด็ดลูกพรรคปชป.ย้อนศรน็อกมาร์คซะเอง

ทีเด็ด-นาย เจ๊ะอามิง โต๊ะตาหยง รมช.มหาดไทยเงาพรรคประชาธิปัตย์ นำสถิติระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลมาแสดงต่อสื่อมวลชน เพื่อให้ห็นว่าระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลยุคที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ บริหารงานสูงถึง 9 พันล้านลูกบาศก์เมตรในวันที่ 3 สิงหาคม แต่ปล่อยให้น้ำสูงถึง 1.3 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรจึงค่อยปล่อยน้ำออกมา

แตกต่างจากรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่จะพร่องน้ำจากเขื่อนเมื่อระดับน้ำสูงไม่ เกิน 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร แต่ทำไมรัฐบาลชุดนี้กับปล่อยให้ระดับน้ำสูง 1.3 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรค่อยปล่อยน้ำ ถือว่าเกินระดับที่เขื่อนจะรับไหว เท่ากับตั้งใจให้เกิดน้ำท่วมใช่หรือไม่(มติชน)

จากคำกล่าวดังกล่าวของนายเจ๊ะอามิงที่ระบุวันที่ 3 สิงหาคมน้ำสูงจน เข้าขีดอันตราย แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ยอมปล่อยน้ำ จน1.3ล้านลูกบาศก์เมตรค่อยปล่อย เหมือนมีเจตนาให้น้ำท่วมนั้น จากการลำดับเวลาจะพบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เพิ่งได้รับลงมติจากสภาให้เป็นนายกฯในวันที่ 5 สิงหาคม ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นทางการในว้นที่ 8 สิงหาคม และประชุมครม.นัดแรกในวันที่ 11 สิงหาคม

ดังนั้นในวันที่ 3 สิงหาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังคงรักษาการนายกรัฐมนตรีอยู่ และยังเป็นเช่นนั้นมาจนกระทั่งวัีนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับโปรดเกล้าฯเป็น ทางการในวันที่ 8 สิงหาคม

คำถามมีอยู่ว่า 5 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 3-8 สิงหาคมนั้น เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์รู้ข้อมูลดีขนาดนี้ รัฐบาลรักษาการของนายอภิสิทธิ์กำลังทำอะไรอยู่ในเวลานั้น?

5 สิงหาคม-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับการลงมติจากที่ประชุมสภาให้ขึ้นเป็นนายกฯคนใหม่
8 สิงหาคม-โปรดเกล้าฯ'ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี

 

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

นายอภิสิทธิ์เดินทางไปมัลดีฟส์จริง




พรรคประชาธิปัตย์ กระมิดกระเมี้ยนอย่างยิ่ง
กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หอบลูกเมียบินไปต่างประเทศ

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรค อึก อักอย่างมาก
หลังนักข่าวสอบถามว่า อดีตนายกฯไปอังกฤษจริงหรือไม่

"ไม่ได้ไปไหน หัวหน้าพรรคอยู่กับครอบครัว พรุ่งนี้ก็มาแล้ว"

นายศิริโชค โสภา ส.ส. สงขลา อ้างว่า
อดีตนายกฯอยู่กรุงเทพฯ กำลังวางแผนช่วยน้ำท่วมอยู่

อย่างไรก็ตาม นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า
นายอภิสิทธิ์เดินทางออกจากประเทศไทยด้วยเที่ยวบิน พีจี 0711
เมื่อวันที่ 20 ต.ค.เวลาประมาณ 13.00 น. ปลายทางที่หมู่เกาะมัลดีฟส์

อภิสิทธิ์และลูกเมียเดินทางกลับกลางดึกคืนวันที่ 23 ต.ค.
โดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เที่ยวบิน พีจี 0712 เวลาประมาณ 24.00 น.

ต่อมาเมื่อเวลา 13.40 น.วันที่ 24 ต.ค.นายอภิสิทธิ์
ก็ ปรากฏตัวพร้อมกับ นายกรณ์ จาติกวณิช และ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่สถานีสูบน้ำพระโขนง

เป็นการปรากฏตัวก่อนหน้าที่คณะของนายกฯและม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.จะไปถึง

จน ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ต้องชี้แจงพัลวันว่าไม่รู้ว่านายอภิสิทธิ์จะมา เลยไม่ได้แจ้งให้นายกฯ ทราบ

หลังจากนั้น เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 25 ต.ค. นายชวนนท์ ก็ได้ชี้แจงเพิ่มเติม
โดยยอมรับว่านายอภิสิทธิ์เดินทางไปมัลดีฟส์จริง
แต่ไปตามคำเชิญของประธานาธิบดีมัล ดีฟส์ ที่ทาบทามไว้นานแล้ว

"ในการหารือ ก็คุยเกี่ยว กับปัญหาน้ำท่วมเป็นหลัก" นายชวนนท์ระบุ

นายชวนนท์ยังชี้แจงด้วยว่าถ้าการอยู่ไม่อยู่ในประเทศของผู้นำฝ่ายค้านเป็นเรื่องสำคัญ
ประเทศไทยก็คงไม่ต้องมีนายกฯแล้ว

อย่างไรก็ตาม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวว่า
"ฐานะหัวหน้าครอบครัว โอเค
แต่ในฐานะอดีตนายกฯ ปัจจุบันผู้นำฝ่ายค้านที่ลูกพรรคเหน็บแนมเขาอยู่ทุกวัน ก็...จบข่าว"

อีกข้อความหนึ่งว่า
"ที่อยุธยาน้ำท่วมเกาะเมือง นนทบุรีน้ำท่วมเกาะเกร็ด กรุงเทพฯ กำลังลุ้นเกาะรัตนโกสินทร์
แต่เกาะมัลดีฟส์ปลอดภัยครับ"

ใครเกียร์ว่างไม่ให้ประตูระบายน้ำกทม.

คุณภิญโญกับรองผู้ว่ากทม. พูดคุยชัดเจน
ในรายการตอบโจทย์ ฟังแล้วชัดเจนว่าใครเกียร์ว่าง เห็นแก่ตัว
ใครเสียประโยชน์ ใครได้ประโยชน์ ประตูระบายน้ำคลองแสนแสบ
ไม่เปิดประตูระบายน้ำจริง ทำให้พื้นที่การระบายน้ำมีพื้นที่น้อย
ใครมีอำนาจวาสนาไม่ให้ประตูระบายน้ำ 20 ตัวเปิดระบายน้ำ
ข้อเท็จจริงคือข้อเท็จจริง


น้ำท่วมฝั่งธน อรุณอัมรินทร์-จรัญฯ-ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี-สิรินธร น้ำกระชับพื้นที่

ถ่ายภาพน้ำท่วม
ถนนสายสำคัญต่างๆ บริเวณฝั่งธนบุรี ไม่ว่าจะเป็น ถนนจรัญสนิทวงศ์
ที่น้ำทะลักเข้าท่วมในหลายพื้นที่ ถนนอรุณอัมรินทร์ 
ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี  หน้าห้างพาต้า ห้างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า
ถนนสิรินธร  บริเวณหน้าห้างตั้งฮั่วเส็ง เป็นต้น

ถนนจรัญสนิทวงศ์
























น้ำท่วมบนถนนจรัญสนิทวงศ์  ตั้งแต่แยกบางพลัด และใกล้แยกพรานนก รถเล็กวิ่งผ่านไม่ได้

ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรีช่วงหน้าห้างพาต้าปิ่นเกล้า




สภาพน้ำท่วมสูงบนถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรีช่วงหน้าห้างพาต้าปิ่นเกล้า

เซ็นทรัลฯ ปิ่นเกล้า




สภาพน้ำท่วมบริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลฯ ปิ่นเกล้า

ถ.สิรินธร




สภาพน้ำไหลข้ามถนนสิรินธร บริเวณหน้าห้างตั้งฮั่วเส็ง ท่วมสูงจนรถเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านได้

ถ.อรุณอัมรินทร์


สภาพน้ำท่วมเชิงสะพานอรุณอัมรินทร์


ทหารเรือขนเครื่องสูบน้ำ เร่งระบายน้ำออกจากกองเรือเล็ก เชิงสะพานอรุณอัมรินทร์


 โรงเก็บเรือพระราชพิธีเชิงสะพานอรุณอัมรินทร์

วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รวมรายชื่อห้างและพื้นที่ๆร่วมช่วยเหลือโดยเปิดให้จอดรถหนีน้ำท่วม

นายสมชัย สวัสดีผล รักษาการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) กล่าวว่า ท่าอากาศยานดอนเมือง (Donmuang Airport) จะเปิดให้บริการจอดรถฟรี สำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่มั่นใจในสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ โดยเปิดให้จอดรถบริเวณอาคารจอดรถผู้โดยสารภายในประเทศ ซึ่งเป็นอาคาร 3 ชั้น เพื่อช่วยบรรเทา และเยียวยาความเดือดร้อนจากน้ำท่วม
สนามบินดอนเมือง

สนามบินดอนเมือง
ทั้งนี้ ได้เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 18.00น.วันที่ 6 ต.ค.เป็นต้นไป โดยผู้ที่ประสงค์จะนำรถเข้ามาจอดสามารถติดต่อแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ประจำ อาคาร ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการจัดจุดจอดรถให้ นอกจากนี้ยังได้สำรองอาคารจอดรถผู้โดยสารระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นอาคาร 7 ชั้นไว้อีกส่วนหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ บริษัท ฮอนด้า ประเทศไทย (Honda Thailand) ได้ประสานมายัง ทอท. เพื่อขอใช้พื้นที่จอดรถบริเวณอาคารจอดรถคลังสินค้า ซึ่งจะรองรับรถได้ ประมาณ 1,000 คัน เนื่องจากมีปัญหาโรงงานฮอนด้าที่โรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ประสบปัญหาน้ำท่วม จึงได้จัดการอำนวยความสะดวกให้แล้ว
ส่วนมาตรการป้องกันน้ำท่วมเข้าสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ นายสมชัย กล่าวว่า มีการวางแผนรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ มีการสั่งเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิ มีการวางระบบระบายน้ำรอบสนามบิน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตามข่าวทางสนามบินดอนเมืองที่จอดรถได้เต็มแล้ว แต่ก็มีสถานที่อื่นๆ อีก ดังต่อไปนี้
ฟิวเจอร์ พาร์ค
ฟิวเจอร์ พาร์ค
ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค
เปิดให้ประชาชน สามารถนำรถมาจอดได้ที่บนอาคารจอดรถของศูนย์การค้า Future Park ในช่วงน้ำท่วม โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ติดต่อสอบถามได้ที่ฝ่าย Contract Center เคาน์เตอร์ลูกค้าสัมพันธ์ ชั้น 3 ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค หรือโทรสอบถามได้ที่ 0-2958-0011 กด 0 และเตรียมเอกสารสำเนาบัตรประชาชนมาด้วย
Seacon Square
Seacon Square
ซีคอนสแควร์ (Seacon Square)
เปิดพื้นที่ดาดฟ้า ให้จอดรถค้างคืน หนีน้ำท่วมกรุง ฟรี ! วันนี้เป็นวันแรก และยังมีพื้นที่เพียงพอสำหรับผู้ที่เดือดร้อนอีกเป็นจำนวนมากนะคะ แต่อย่างไรก็ตามพื้นที่ดาดฟ้าของเรา สามารถรองรับรถได้ 750 คัน ใครที่เดือดร้อนรีบมาจอดกันก่อนได้เลย
ตั้งฮั่วเส็ง (Tung Hua Seng)
ติดต่อ . 02-434-0448 ต่อ 1222, 1234 พร้อมเตรียมเอกสาร ดังต่อไปนี้
1สำเนาบัตรประชาชนของผู้ฝาก
2.สำเนาคู่มือ การจดทะเบียนรถ หน้าที่แสดงชื่อเจ้าของรถ และหน้าที่แสดงการชำระภาษีประจำปี
สุดท้ายนี้ขอให้เพื่อนๆ เป็นกำลังใจให้ผู้ที่ประสบปัญหาอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม หรือกำลังเตรียมการรับมือกับน้ำท่วม และน้ำท่วมรถ ด้วยครับ ถ้าสามารถช่วยเหลือสิ่งใดได้ก็ขอให้ช่วยเหลือตามกำลังครับ

น้ำเข้าท่วมโรงงานฮอนด้า บริเวณเฟส 1 จากคันดินนิคมอุตสาหกรรมโรจนะพัง



มีรายงานข่าวว่า ระดับน้ำคลองข้าวเม่า ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เอ่อล้นเข้าท่วมบริเวณเฟส 1 ของนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ โดยก่อนหน้านั้น ได้มีการเสริมแนวคันดินสูงประมาณ 6 เมตร เอาไว้เป็นแนวยาว ปรากฏว่าระดับน้ำได้ท่วมสูงเกือบจะถึงแนวป้องกัน และกัดเซาะทำให้คันดินที่อยู่ด้านหน้าโรงงานบริษัทฮอนด้า (ประเทศไทย) พังทลายลง จนน้ำทะลักเข้าท่วมภายในบริเวณโรงงาน เนื้อที่ 400 ไร่ แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามสูบน้ำออก และพยายามเข้าไปทำการซ่อมแซม แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากกระแสน้ำแรงมาก

นอกจากนั้น ระดับน้ำที่สูงกว่าพื้นเกือบ 30 เซนติเมตร ยังได้กระจายวงไปท่วมโรงงานข้างเคียงแล้ว

Clip นาทีคันดินแตกทำให้น้ำเข้าท่วมเขตนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ


เมื่อเวลา 18.30 น.ระดับน้ำคลองข้าวเม่า ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เอ่อล้นเข้ามาทางท่อระบายน้ำ ท่วมบริเวณภายในโรงงานฮอนด้า ซึ่งอยู่ใน เฟส 1 ต.คานหาม อ.อุทัย ซึ่งทางนิคมอุตสาหกรรมโรจนะได้มีการเสริมแนวคันดินสูงประมาณ 6 เมตร เอาไว้เป็นแนวยาว ปรากฏว่าระดับน้ำสูงเกือบจะถึงแนวป้องกัน แล้วกัดเซาะทำให้คันดินที่อยู่ด้านหน้าโรงงานบริษัทฮอนด้า(ประเทศไทย) พังลงมาเป็นแนวยาวประมาณ 2 เมตรเศษ น้ำทะลักไหลเข้าท่วมภายในบริเวณโรงงาน เนื้อที่ 400 ไร่ ซึ่ง จนท.พยายามสูบน้ำออก และพยายามที่จะเข้าไปทำการซ่อมแซม แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากกระแสน้ำแรงมาก 

ทั้ง นี้น้ำยังไมด้กระจายวงท่วมไปยังโรงงานข้างเคียง โดยมีระดับน้ำอยู่สูงกว่าพื้นเกือบ 30 ซ.ม.ซึ่งภายในโรงงานมีรางระบายน้ำ ขนาดความกว้าง 3 เมตรอยู่โดยรอบ แต่น้ำได้ท่วมรางระบายน้ำล้นออกมา โดยก่อนหน้านี้ทางโรงงานได้ย้ายรถยนต์ที่ผลิตเสร็จแล้วออกไปเกือบหมดแล้ว และทางโรงงานได้หยุดทำงานบางส่วนไปแล้ว ซึ่งทางโรงงาน และทางอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างระดมกำลังคนและรถหนักเข้าไปอุดรอยรั่วดังกล่าว ซึ่งระหว่างเกิดเหตุยังไม่สามารถติดต่อกับประธานสภาอุตสหากรรมจังหวัด หรืออุตสาหกรรมจังหวัดได้ และไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไป

นายกฯ ขอโทษประชาชน ออกเสียงหญ้าแฝกเป็นหญ้าแพรก


วันที่ 8 ต.ค. ระหว่างจัดรายการวิทยุ 
รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ
ได้กล่าวขอโทษประชาชนกรณีออกเสียงหญ้าแฝกผิดเพี้ยน
ขณะจัดรายการเมื่อสัปดาห์ก่อน
พร้อมรณรงค์คนไทยเห็นความสำคัญและร่วมกันปลูกหญ้าแฝกเพื่ออนุรักษ์หน้าดิน

 น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวขอโทษประชาชนถึงกรณีที่ได้นำประเด็นการปลูกป่า
และการปลูกหญ้าแฝกในโครงการชะลอน้ำ ตามแนวพระราชดำริ มาพูดคุยในรายการ
รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน และมีการออกเสียงผิดเพี้ยนจากหญ้าแฝก เป็นหญ้าแพรก
จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา
พร้อมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนเห็นประโยชน์ของหญ้าแฝก
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานแนวพระราชดำริ
และร่วมกันอนุรักษ์ดินด้วยการปลูกหญ้าแฝกที่จะช่วยอุ้มน้ำและยึดเหนี่ยวดินให้มั่นคงได้

 ที่มา : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

ความเลวของเสื้อเหลือง..แทรกสายด่วนน้ำท่วม

ได้รับทราบจากเจ้าหน้าที่ว่า  ในการรับโทรศัพท์"สายด่วน"จากประชาชนที่เดือดร้อนจากน้ำท่วมเพื่อแจ้งจุดที่ต้องการความช่วยเหลือ

ไอ้หมาเสื้อเหลืองพากันแห่โทร.เข้ามาด่า  รัฐบาล...(ด้วยศัพท์เดิม ๆ)

มิไยที่เจ้าหน้าที่จะตอบแบบสุภาพให้อายว่า

" ขอโทษนะคะ ขอสายให้ว่างเพื่อคนเดือดร้อนจากน้ำท่วมได้โทร.มาแจ้ง  จะได้ให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที" มันก็ด่า ด่า และด่า...วางหูไปแป๊บ  โทร.มาอีก โทร.มาอีก..จนมันสำเร็จความใคร่ทางปากได้แล้ว  จึงยุติไป

การ กระทำเช่นนี้..จะว่าเลวเยี่ยงสัตว์  ก็ไม่ได้เพราะจากภาพรายงานน้ำท่วม..เราเห็นน้องลิงอุ้มน้องแมวหนีน้ำ ท่วม...แต่คนเสื้อเหลืองไม่ทำอะไร นอกจากพล่ามไปวัน ๆ..เพราะกลัวรัฐบาลจะเป็นที่รักของประชาชน..
แทนที่จะคิดว่า  คนที่เดือดร้อนคือเพื่อนร่วมชาติ (ที่พวกมันอยากกู้ชาติกันนักหนา)...กลับมาแทรกสายด่วนทำให้คนเดือดร้อน(ซึ่ง อาจมีแบตเตอรี่เหลือนิด ๆ หน่อยๆ) ไม่ได้โทร.เข้ามา  เป็นเหตุให้คนเดือดร้อนจากน้ำท่วมที่กำลังรอคอยไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่าง ทันท่วงที...ซึ่งอาจเป็นเรื่องของการถึงแก่ชีวิตในบางกรณี...ต่างไม่ได้ใช้ สายด่วนเพื่อการนี้

แบบนี้ก็คงต้องบอกว่า..เลวกว่าสัตว์เพราะไร้สำนึกแห่งความเอื้ออาทร...


มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกทม.จัดพิธีไล่น้ำเป็นการส่วนตัว

พิธีส่วนตัว-มรว.สุขุม พันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกทม.จัดพิธีไล่น้ำเป็นการส่วนตัวในวันที่ 8 ตุลาคม หลังจากมีหนังสือเวียนออกมาก่อนหน้านั้นวันหนึ่งแล้วโดนวิจารณ์หนัก จนต้องแจ้งยกเลิกพิธี แต่ยืนยันจะจัดพิธีเป็นกา่รส่วนตัว

ที่มา หนังสือเวียน กรุงเทพมหานคร

หลังจากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อึงคนึงทำให้ผู้ว่ากทม.แจ้งขอยกเลิกพิธี โดยโฆษกกทม.แจงเหตุกทม.ยกเลิกพิธีไล่น้ำ เพราะผู้ว่าฯกทม.ต้องการทำเป็นการส่วนตัว พร้อมปัดแสดงความเห็นเสียงวิจารณ์หลังมีข่าวออก

เจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกทม. เปิดเผยกับ"สำนักข่าวเนชั่น" ถึงกรณีที่กรุงเทพมหานครได้แจ้งไปยังสื่อมวลชนทุกแขนง ถึงการยกเลิกทำพิธีไล่น้ำที่ศาลหลักเมืองในวันพรุ่งนี้ ว่า พิธีดังกล่าวม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ขอทำพิธีเป็นในนามส่วนตัว โดยใช้งบประมาณของตนเองในการดำเนินการทั้งหมด อีกทั้งไม่ต้องการมีการเชิญสื่อมวลชน หรือเจ้าหน้าที่ของกทม.เข้าร่วมในการทำพิธีดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทวิตเตอร์ว่าการทำพิธีดังกล่าวนี้ กทม.แก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่ไม่ตรงจุด นายเจตน์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าเป็นสิทธิ์ของทุกคน แต่ไม่ขอออกความเห็นใดๆ

ก่อนหน้านี้เว็บไซต์ASTVผู้จัดการ รายงานเพิ่มเติมว่า แนวคิดดังกล่าวเกิดจากที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.เห็นว่าบ้านเมืองกำลังประสบอุทกภัย ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นในฐานะที่เป็นพ่อเมืองจึงได้ดำริที่จะทำพิธีบวงสรวงสักการะสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อบรรเทาปัญหาจากหนักให้กลายเป็นเบา และเป็นการขอพรให้น้ำลงลด

นางเพียงใจ วิศรุตรัตน รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า การที่กทม.กำหนดการจัดพิธีไล่น้ำขึ้นนั้น ถือเป็นพิธีที่กรุงเทพมหานครจัดขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น เรียกขวัญและกำลังใจให้กับประชาชนชาวกรุงเทพฯ เพื่อให้คลายความกังวลจากสถานการณ์น้ำซึ่งมีแนวโน้มว่าจะท่วมพื้นที่ กรุงเทพฯ โดยพิธีจัดขึ้นเป็นการภายใน ประกอบด้วย พิธีบวงสรวง(พิธีพารหมณ์) ในเวลา 14.39 น. และพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ในเวลา 15.09 น. โดยได้อัญเชิญพระพุทธรูปปางข้ามสมุทร ความสูง 9 นิ้ว มาร่วมในการประกอบพิธีด้วย

ทั้งนี้ จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า พิธีไล่น้ำหรือเรียกอีกอย่างว่าพิธีไล่เรือเป็นพิธีที่มีมาตั่งแต่สมัยกรุง ศรีอยุธยา ประกอบขึ้นเพื่อต้องการให้น้ำลดเร็ว ๆ เพราะในเดือนต่อไปถือว่าเป็นการเข้าฤดูเพราะปลูก พระราชพิธีไล่เรือมิได้ประกอบขึ้นทุกปี เพราะถ้าปีไหนน้ำไม่มากก็ไม่ต้องประกอบพิธี มีกฎมณเฑียรบาลครั้งกรุงศรีอยุธยาว่าในการประกอบพิธีนั้น พระเจ้าแผ่นดิน พระอัครมเหสี พระเจ้าลูกยาเธอ หลานเธอและพระสนม แต่งอย่างเต็มยศโบราณลงเรือพระที่นั่ง มีพระยามหาเสนาตีฆ้อง เสด็จไปตามลำน้ำ โดยสมมติพระเจ้าแผ่นดินเป็นเทพยาดา โดยขอให้น้ำถอยลงไป แล้วทำการเชิญพระพุทธปฏิมากรลงเรือพระที่นั่ง แล้วมีเรือสำหรับพระสงฆ์ตามหลัง เรือลำหนึ่งมีพระราชาคณะ ๑ รูป มีฐานที่นั่ง ๒ ข้าง ตรงกลางตั้งเครื่องนมัสการทำการสวดคาถาหล่อพระชัยเป็นคาถาไล่น้ำ (บางครั้งจึงเรียกพิธีไล่เรือว่าเป็นพิธีไล่น้ำด้วย)

ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ได้กระทำพิธีนี้เพียง 2 ครั้ง คือรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 3 การทำพิธีนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จไปประชุมกันที่วัดท้ายเมือง แขวงเมืองนนทบุรี มีอาลักษณ์อ่านคำประกาศตั้งสัตยาธิฐาน นมัสการพระรัตนตรัย เทพยาดารวมทั้งพระเจ้าแผ่นดิน (สมมติเทพ) แล้วอ้างความสัตย์ ซึ่งได้นับถือต่อเทพยาดาทั้งสามคือ วิสุทธิเทพยดา อุปปาติกเทพยดา และสมมติเทพยดา ขอให้น้ำลดลงไปตามประสงค์ พระพุทธรูปที่ใช้ในพระราชพิธีเดิมมีแต่ชื่อพระชัย พระคันธาราษฎร์ ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นพระห้ามสมุทร การทำพิธีคล้ายเสด็จพระราชดำเนินพระกฐิน พิธีนี้ล้มเลิกไปครั้งรัชกาลที่ 5 เป็นการถาวร จะประกอบแต่พระราชพิธีตรียัมปวาย - ตรีปวายเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะชัยภูมิของกรุงรัตนโกสินทร์นั่นอยู่สูงกว่าระดับน้ำพอ สมควรจึงไม่ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมอย่างครั้งกรุงศรีอยุธยา

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ฆ่าปาดคอ "แดงดอกไม้" นปช.แพร่ดับคาบ้านพัก



วันที่ 27 ส.ค. พ.ต.ต.สรณคม กึกก้อง พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองแพร่
รับแจ้งเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นในบ้านเลขที่ 169 / 2 ต.ในเวียง อ.เมือง จ.แพร่
ผู้เสียชีวิตเป็นหนึ่งในแกนนำของกลุ่มนปช. หรือ กลุ่มแพร่ 51

 ตำรวจรุดตรวจที่เกิดเหตุ พบร่างนายอุดมทรัพย์ ธรรมเมือง หรือ "แดง ดอกไม้" อายุ 56 ปี
สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีน รองเท้าบูทสีแดง นอนเสียชีวิตอยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ในห้องหลังบ้าน
ซึ่งบ้านหลังนี้นายอุดมทรัพย์เปิดเป็นร้านจำหน่ายพวงหรีด ริมถนนยันตรกิจโกศล

 จากการตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้นพบ
ที่คอมีรอยถูกของมีคมปาดลึก 2 เซนติเมตร ยาว 10 เซนติเมตร
ใกล้ๆ ศพมีมีดปลายแหลมเปื้อนเลือดตกอยู่ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้แต่อย่างใด
ตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
มีคนร้ายเข้ามาทางประตูหลังบ้านประชิดตัวและปาดคอจนตาย
ภายในร้านมีการยกคัดเอาท์ไฟดับหมดทั้งร้าน
เมื่อตำรวจเปิดคัดเอาท์ไฟคอมพิวเตอร์ทำงาน พบว่า
ก่อนเสียชีวิต นายอุดมทรัพย์ยังใช้คอมพิวเตอร์อยู่ และทีวียังเปิดอยู่ในช่องเสื้อแดง
ส่วนทรัพสินภายในบ้านยังคงอยู่ในห้องเป็นปกติ
แต่จะเป็นการชิงทรัพย์หรือไม่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้
ทำให้ตำรวจทีมสืบสวนยังไม่ชี้ถึงประเด็นการสังหารโหดในครั้งนี้

 ทั้งนี้ บริเวณร้านขายดอกไม้และขายพวงหรีดของนายอุดมทรัพย์ หรือ แดง ดอกไม้
ติดป้ายสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตี นายกรัฐมนตรี
พร้อมทั้งมีข้อความใหญ่ๆ ติดไว้หน้าร้านว่า
“ถ้ามรึงปฏิวัติ กู้ตั้งรัฐลิเบีย” เป็นผ้าบังแดดไว้หน้าร้าน
นอกจากนั้น ยังพบมีการติดป้ายใหม่สนับสนุนนางวรนุชนันท์ พงศ์สุรางค์
หรือ ส.จ.ทิพย์วรรณ ศรีวัฒนะ  ที่ประกาศตัวลงสมัคร นายก อบจ.แพร่
ในสายของคนเสื้อแดงจังหวัดแพร่ 

 สำหรับประวัติของนายอุดมทรัพย์ นอกจากขายดอกไม้ พวงหรีดงานศพแล้ว
ยังประกอบอาชีพเสริมเป็นครูสอนเต้นแอโรบิค
มีความศรัทธาในตัวพ.ต.ท.ทักษิณ และเข้าร่วมกลุ่มเสื้อแดงมานาน
จนเป็นแกนนำ กลุ่มแพร่ 51 เข้าต่อต้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและต่อต้านทหาร
เคยเข้าสกัดรถไฟเชียงใหม่-กทม.ไม่ให้ลำเลียงรถทหารเข้ากรุง
เข้าร่วมชุมนุมประท้วงที่ราชประสงค์และทุกแห่งที่มีการชุมนุมเสื้อแดง
ทั้งยังเคยปิด สวท.แพร่ ล่าสุด รวมกลุ่ม นปช.แพร่ เข้าอารักขานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
เมื่อครั้งเดินทางมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดแพร่

คำพิพากษาศาลแพ่ง สงกรานต์เลือดปี "52 สั่งกองทัพชดใช้ "แดง"

"ที่ศาลแพ่งพิพากษาให้ชดใช้เงินให้ผมนั้น ไม่ใช่เรื่องสำคัญมากนัก
สิ่งที่ผมกระทำไปหรือออกไปชุมนุมเรียกร้อง
ก็เพื่อต้องการทวงคืนประชาธิปไตยที่ถูกปล้นไปจากประชาชนเท่านั้น
เรื่องเงินทองไม่เคยอยู่ในหัว ถึงวันนั้นจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต"

นายไสว ทองอ้ม คนเสื้อแดงชาวจังหวัดสุรินทร์
ซึ่งถูกทหารยิงใส่ในเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดงเมื่อเดือนเมษายน 2552 หรือ "สงกรานต์เลือด"
จนได้รับบาดเจ็บสาหัสแขนพิการตลอดชีวิต ปัจจุบันกลับไปทำนาที่สุรินทร์

ให้สัมภาษณ์เปิดใจภายหลังศาลแพ่งมีคำพิพากษา
ให้กองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพบก ร่วมกันชดใช้เงินชดเชยให้นายไสว จำนวน 1.2 ล้านบาท

และชดใช้ให้ นายสนอง พานทอง คนเสื้อแดงชาวบุรีรัมย์
ซึ่งถูกยิงบาดเจ็บขาพิการในเหตุการณ์เดียวกัน เป็นเงิน 1 ล้านบาท

นายสนอง เล่าว่า
เข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงทุกครั้งนับตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหารปี 2549 เป็นต้นมา

วันเกิดเหตุก่อนโดนยิง ชุมนุมอยู่กับคนเสื้อแดงหน้าปั๊มน้ำมันเชลล์ ถ.วิภาวดีรังสิต
ป้องกันไม่ให้ทหารบุกเข้าสลายม็อบบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง

เสียงปืนดังรัว เสื้อแดงแตกกระเจิง
นายสนองถูกยิงขาขวา หนีเอาชีวิตรอด กระโดดลงร่องน้ำหน้ากองดุริยางค์ทหารบก
ทหารบุกมาถึงตัว ช่วยขึ้นจากร่องน้ำนำตัวขึ้นรถ พาไปขังในป้อมยามหน้า พล.1 รอ. 1 คืน
ให้กินยาพาราฯ 4 เม็ดแก้ปวด รุ่งขึ้นจึงนำตัวไปสอบสวน

แล้วถึงส่งตัวไปโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ผ่ากระสุนออก
จากนั้นต้องผ่าตัดกระดูกเข่าถึง 4 ครั้งในรอบ 2 สัปดาห์
ระหว่างนั้นถูกคุกคามมาตลอด จึงหลบหนีออกไปรักษาตัวต่อยังโรงพยาบาลเปาโล
เมื่ออาการดีขึ้นจึงปรึกษากับทนายเสื้อแดง แจ้งความดำเนินคดีกับรัฐบาลและกองทัพ

กระทั่งศาลพิพากษาให้ชนะคดีในที่สุด

ขณะที่นายไสว ร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงตั้งแต่สมัยเป็น นปก. จนเปลี่ยนเป็น นปช.
ร่วมขับไล่รัฐบาลที่มาจากทหารยึดอำนาจ ถูกยิงที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง
เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 13 เมษายน 2552

ต้นแขนซ้ายทะลุ ล้มจมกองเลือด สลบไป 3 วัน
ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็อยู่โรงพยาบาลราชวิถี ทุกวันนี้ นายไสว แขนซ้ายไม่สามารถใช้งานได้
เนื่องจากกระดูกแตก เส้นเลือดใหญ่และเส้นประสาทขาด เสียหายหลายจุด

เป็นคนพิการตลอดชีวิต



ตอนหนึ่งของคำพิพากษาศาลแพ่งสรุปได้ว่า

เมื่อฟังประกอบข้อเท็จจริงว่าฝ่ายจำเลยที่ 2 (กองบัญชาการกองทัพไทย)
และที่ 5 (กองทัพบก) มีคำสั่งให้กองกำลังทหารซึ่งอยู่ในบังคับบัญชา
และสังกัดของตนตามลำดับชั้น เข้าปฏิบัติการกิจเพื่อยึดคืนพื้นที่
และเปิดผิวจราจรในบริเวณที่เกิดเหตุในยามวิกาล

ซึ่งไม่ชอบด้วยหลักสากล

แม้จะได้ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
ซึ่งอนุญาตให้ใช้อาวุธจริงได้ในการปฏิบัติภารกิจ
อันเป็นไปตามคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ 59/2550
เรื่องกฎการใช้กำลังของกองทัพไทย
ผนวก จ. เรื่องกฎการใช้กำลังเฉพาะการใช้กำลังทหารปราบปรามการจลาจลก็ตาม


แต่เมื่อโจทก์ทั้งสอง (นายไสว ทองอ้ม และ นายสนอง พานทอง)
ไม่มีอาวุธ จึงมิใช่บุคคลที่จะเป็นเป้าหมายให้ฝ่ายทหารใช้กำลังอาวุธประจำกายต่อโจทก์ได้

เพราะตามกฎการใช้กำลังของกองทัพไทย
ตามเอกสารหมายเลข ล.12 ผนวก จ. ข้อ 5.8
 ทหารที่ปฏิบัติการปราบจลาจลจะใช้กำลังได้
เฉพาะเพื่อป้องกันตัวเอง
หรือป้องกันชีวิตผู้อื่นจากอันตรายใกล้จะถึงจากกลุ่มบุคคลที่มีอาวุธเท่านั้น

และการปฏิบัติภารกิจดังกล่าวโดยใช้กำลังทหารติดอาวุธ
โดยสภาพต้องกระทำโดยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
เพราะการใช้วิธีการดังกล่าวย่อมเป็นการสุ่มเสี่ยง
ต่อการเกิดอันตรายต่อชีวิตและร่างกายของผู้ชุมนุมโดยสุจริตได้

กฎการใช้กำลังของกองทัพไทยในภาคผนวก จ. ข้อ 5.8
ที่ให้สิทธิกองกำลังทหารที่ออกปราบปรามการจลาจล
มีสิทธิใช้อาวุธป้องกันตนเองและป้องกันชีวิตผู้อื่น
ให้พ้นจากอันตรายใกล้จะถึงที่เกิดจากการชุมนุมหรือการจลาจลนั้น
มิได้จำกัดเฉพาะป้องกันชีวิตของทหารที่ออกปฏิบัติภารกิจหรือชีวิตประชาชนทั่วไปเท่านั้น

แต่รวมถึงชีวิตผู้เข้าร่วมชุมนุมโดยสุจริตในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย

เมื่อการปฏิบัติหน้าที่ของกองกำลังทหารในบังคับบัญชาตามคำสั่ง
และในสังกัดของจำเลยที่ 2 และที่ 5 ก่อผลให้โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัส

จึงเป็นการกระทำโดยละเมิดสิทธิของโจทก์ทั้งสอง

ถึงแม้โจทก์จะไม่สามารถระบุตัวคนยิงได้
แต่เมื่อฟังได้ว่าบุคคลในกองกำลังทหารที่ออกมาปฏิบัติภารกิจ
ในวันเกิดเหตุ มีเฉพาะกองกำลังทหารบก

จึงเพียงพอที่จำเลยที่ 2 และที่ 5 ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดตามลำดับชั้น
ต้องรับผิดจากผลแห่งการละเมิดจากการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว

โดยโจทก์ไม่จำต้องระบุว่าทหารคนใดเป็นผู้ยิง



คําถามที่ถูกตั้งขึ้นมาทันทีภายหลังคำพิพากษาศาลแพ่งดังกล่าว

คือจะมีผลอย่างไรกับเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดงในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553
ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันแต่รุนแรงยิ่งกว่า เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตถึง 91 ศพ บาดเจ็บพิการเกือบ 2,000 คน

นางธิดา โตจิราการ ประธาน นปช. ระบุ
จากการรวบรวมข้อมูลผู้ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมในปี 2553 มีอยู่ประมาณ 1,000 คดี
และเชื่อว่าเหตุการณ์ปี 2553 มีหลักฐานชัดเจนมากกว่า 2552 ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือภาคเคลื่อนไหว

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด กล่าวว่า
เหตุการณ์ทางการเมืองปี 2552 และ 2553
รัฐบาลและกองทัพนำอาวุธร้ายแรงเข้ามาปราบปรามผู้ชุมนุม
ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

รัฐบาลและกองทัพจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการชดใช้ค่าเสียหายให้ประชาชนเหล่านี้ได้

ขณะที่ นางพะเยาว์ อัคฮาด ประธานศูนย์ช่วยเหลือ
ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองปี 2553
ได้นำข้อมูลผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เข้าหารือกับนางธิดา
ถึงแนวทางการฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยจากรัฐบาลและกองทัพให้กับผู้สูญเสีย

โดยจะหยิบยกคำพิพากษาศาลแพ่ง
ในคดี นายไสว ทองอ้ม และ นายสนอง พานทอง มาเป็นคดีตัวอย่างว่า
รัฐบาลและกองทัพจะต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"ถึงแม้มันจะน้อยมากสำหรับเงินก้อนนี้ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี"

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บัตรเลือกตั้ง แบบบัญชีรายชื่อ โลโก้พรรคเพื่อไทย มีขนาดเล็กผิดปกติ

 [Image: wstcny_resize.jpg]

เจตนาเพื่อให้ผู้ลงคะแนนเข้าใจผิดกาเครื่องหมายที่ช่องใกล้กับหมายเลข 1 แทนที่จะเป็นช่องที่อยู่ด้านท้าย เพราะสายตาคนแก่หรือความคุ้นเคยอาจมองสัญญลักษณ์พรรคเพื่อไทย
 [Image: 1bdoa.jpg] 
(ตาม ที่ควรเป็น)ในช่องสี่เหลี่ยมหลังเลข 1 ซึ่งมองแล้วกลายเป็นแค่เส้นตรงเพราะมีขนาดเล็กมาก และทำไมพรรคอื่นกลับใช้แต่เพียงสัญญลักษณ์พรรคเพียงอย่างเดียวไม่มีตัวอักษร เช่นพรรค​เพื่อไทย 

ขอให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึงมิเช่นนั้นจะมีบัตรเสียจำนวนมหาศาล

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ครบรอบ 1 ปี พฤษภาทมิฬ ราชประสงค์

ครบรอบ 1 ปี พฤษภาทมิฬ ราชประสงค์ ดูไปร้องไห้ไป


วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

1 ปี พฤษภา 53 กับร่องรอยที่ยังหลงเหลือ

เกษียร เตชะพีระ เคยเขียนบทความเรื่อง “คนไม่เห็นผี” เอาไว้เมื่อราวสองเดือนหลังเหตุการณ์พฤษภา 53 ปีที่แล้ว เป็นบทความอันว่าด้วยการที่คนกรุงเทพฯ ออกมาทำความสะอาด ลบร่องรอยที่เกิดขึ้นในช่วงการชุมนุมและสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ตั้งแต่รอยคราบเลือด ไปจนถึงรอยขีดเขียน ข้อความ สัญลักษณ์ สติ๊กเกอร์ ที่ปรากฎอยู่ตามที่ต่าง ๆ เช่น อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สี่แยกคอกวัว ราชประสงค์ สยามแสควร์ ฯลฯ อันบ่งบอกได้ถึงการชุมนุม ได้ถูกทำความสะอาดไปจนเรียบร้อยเกลี้ยงเกลา จนแทบไม่เหลือร่องรอยริ้วรอยว่าเคยเกิดเหตุผิดปกติอะไรขึ้น ณ สถานที่เหล่านั้นเมื่อไม่นานมานี้เอง
การทำความสะอาดครั้งใหญ่ดัง กล่าวสะท้อนบอกว่า เมืองอย่างกรุงเทพฯ “ไม่อยากจำอะไร” หรือ “อยากให้อะไรจบลง” ทว่าการไม่อยากจำอะไรที่ว่า เป็นไปในลักษณะของ “การใช้อำนาจในการลืม” (the power to forget) ลบล้างตัดตอนความเป็นจริงที่เคยเกิดขึ้นอย่างหักหาญรุนแรง แม้ว่ามีคนตายมากมายจากเหตุการณ์พฤษภา 53 แต่คนกรุงก็ทำเป็น “ไม่เห็นผี” เสียนี่
ธรรมดายิ่งเวลาผ่านไป ร่องรอยอันโดดเด่นเหล่านั้นก็ย่อมจะถูกขจัดขัดถูลบออกไปเรื่อย ๆ จนบัดนี้ เวียนมาจะครบรอบ 1 ปีของเหตุการณ์ ดูเผิน ๆ เหมือนว่าจะไม่มีร่องร่อยอะไรหลงเหลืออยู่ แต่ถ้าเราไม่ละเลยจนเกินไป เราก็จะพบว่ามียังร่องรอยบางอย่างหลงเหลืออยู่จริง ๆ ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งสถานที่ที่เป็นจุดเกิดเหตุ และที่อื่น ๆ มากมายทั่วกรุงเทพฯแห่งนี้
ซึ่งมันน่าจะพอบ่งบอกอะไรเราได้บ้าง...
กฟน.คลองเตย
กฟน.คลองเตย
หน้ากฟน.คลองเตย
กฟน. คลองเตย (29 มี.ค.54)
เกาะเกร็ด
เกาะเกร็ด (8 พ.ค.54)
ข้างห้างเซน
ข้างห้างเซน
ข้างห้างเซ็นทรัลเวิร์ลด์ (29 มี.ค.54)
คอกวัว
คอกวัว
คอกวัว
คอกวัว
บริเวณแยกคอกวัว (31 มี.ค.54)
ตึกเก่าตรงข้ามปปส.
ตึกเก่าตรงข้าม ปปส. (28 เม.ย.54)
ถ.ดินสอฝั่งสตรีวิทย์
ถ.ดินสอฝั่งสตรีวิทย์
ถ.ดินสอฝั่งสตรีวิทย์
ถนนดินสอ ฝั่งโรงเรียนสตรีวิทยา (17 พ.ค.54)
ถ.ตะนาวฝั่งข้าวสาร
ถ.ตะนาวฝั่งข้าวสาร
ถ.ตะนาวฝั่งข้าวสาร
ถ.ตะนาวฝั่งข้าวสาร
ถนนตะนาว ฝั่งข้าวสาร
สะพานผ่านฟ้าลิลาศ
สะพานผ่านฟ้าลีลาศ
สะพานผ่านฟ้าลีลาศ
สะพานผ่านฟ้าลีลาศ (20 เม.ย.54)
สะพานลอยหน้ารัฐศาสตร์จุฬาฯ
สะพานลอย ตรงประตูฝั่งคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (24 เม.ย.54)
บ่อนไก่
ตู้โทรศัพท์ย่านบ่อนไก่ ถ.พระรามสี่ (29 เม.ย.54)
บันไดหน้าหอศิลป์กทม
บันไดหน้าหอศิลป์ กทม (27 เม.ย.54)
ปากซอยงามดูพลี
ปากซอยงามดูพลี (24 เม.ย.54)
ราชประสงค์
ราชประสงค์
ราชประสงค์
แยกราชประสงค์ (29 มี.ค.54)
ราชประสงค์ หน้า CTW
ราชประสงค์ หน้า CTW
หน้าเซ็นทรัลเวิร์ลด์ (29 มี.ค.54)
ราชวิถีซอย 3
ราชวิถีซอย 3 (29 เม.ย.54)
หน้าทางเข้า MRT สีลม
ทางเข้า MRT สีลม (22 เม.ย.54)
หน้าโรงแรงสวิศโฮเตล ใกล้ MRT ห้วยขวาง
หน้าโรงแรมสวิสโซเทล ใกล้ MRT ห้วยขวาง (2 พ.ค.54)
ไทยไม่รักไทย เพราะมุ่งขจัดแต่ ไทยรักไทย
รถหน้าร้านส่งน้ำแข็ง ท่าเรือปากเกร็ด (14 พ.ค.54)
 

©2010 กลุ่มแดงหลังตู้เย็น

ดาวน์โหลด pdf creator : Discount Cordless Screwdriver : Online Condom Store : Strathwood Chair Shop