ผู้สนับสนุน

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

ศิษย์หลวงตาบัว ไล่ "แม่ชีจอย"

คลิปนี้ถ่ายโดยลูกศิษย์ ตาบัว ที่รู้ว่าแม่ชีจอย ขึ้นหา ตาบัวตอนดึกทุกคืน แต่ตาบัวกลับตัดสินว่าตนไม่เห็น จึงให้ชีจอยอยู่ในวัดต่อ คณะศิษย์ทนไม่ได้จึงค้นรังชีจอย พบเงินสด 3000000 บาท รวมเช็คด้วยนับ 10 ล้า่น จึงขับไล่ ชีจอยออกจากวัด ตาบัวเลย ไม่มีคนมาป้อนยายามดึกทำให้อาการทรุดลงและก็เป็นอย่างที่เห็น

ftp://baygon1.no-ip.org/savefiles/watpabantad_1.wmv
ftp://baygon1.no-ip.org/savefiles/watpabantad_2.wmv



[Image: p0114040753p1.jpg]
ศิษย์หลวงตาบัว ไล่ "แม่ชีจอย"
ไล่พ้นวัด - คณะศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ขับไล่นางศุภรัตน์ แซ่จิว หรือแม่ชีจอย อายุ 41 ปี ออกจากวัด เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เมื่อวันที่ 3 ก.ค.
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 3 ก.ค. พ.ต.ท.ปริญญา หาพรหม สว.สส.สภ.เมือง จ.อุดรธานี รับแจ้งว่าที่วัดป่าบ้านตาด มีคณะลูกศิษย์ของพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน พระอาจารย์ชื่อดัง ประมาณ 200 กว่าคน ล้อมกุฏิของแม่ชีจอย หรือนางศุภรัตน์ แซ่จิว อายุ 41 ปี เพื่อขับไล่ให้ออกจากวัดไป เพื่อจะได้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการต่างๆ ภายในวัด โดยเฉพาะการดูแลรักษาอาการอาพาธของหลวงตามหาบัว
ต่อมา พ.ต.ท.ปริญญา นำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบคณะศิษย์ปีนเข้าไปในกุฏิของแม่ชีจอย แล้วพังประตู ตรวจค้นภายในห้องพบเงินสด 3,000,000 บาท ฝ่ายแม่ชีจอย และพรรคพวกประมาณ 20 คน พยายามจะเอาคืน แต่คณะศิษย์ไม่ยอม โดยแม่ชีจอยอ้างว่าเป็นเงินที่ญาติโยมศรัทธาแม่ชีแล้วบริจาคมา และจะนำไปซื้อวัว ปลา และเต่า มาให้หลวงตามหาบัวนำไปปล่อย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ขวางไม่ให้ทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกัน ก่อนที่ฝ่ายแม่ชีจอยจะขับรถตู้พาตัวออกจากวัดไป
นายธนากร ธนากรโชติกุล อายุ 58 ปี หนึ่งในลูกศิษย์ของหลวงตามหาบัว กล่าวว่า แม่ชีจอยติดตามพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งมาจาก จ.สุพรรณบุรี และมาอยู่ที่วัดป่าบ้านตาดตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 ตลอดเวลาคณะศิษย์ของหลวงตามหาบัว สงสัยพฤติกรรมต่างๆ มานานแล้ว โดยเฉพาะในช่วงที่หลวงตามหาบัวอาพาธอยู่ในขณะนี้ และมักลักลอบมาที่กุฏิของหลวงตา อีกทั้งยังจัดยา วิตามิน และอาหารเสริมให้หลวงตาฉัน คอยกีดกันแพทย์ พระและลูกศิษย์อื่นเข้าไปดูแล ทั้งที่ตัวเองไม่มีความรู้ด้านการแพทย์เลย
ต่อมาเวลา 15.30 น. หลวงตามหาบัว เดินทางกลับมาถึงวัดป่าบ้านตาด หลังจากนั้นคณะศิษย์เข้าชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งนำเงินสด 3,000,000 บาทที่ยึดมาได้ไปถวาย และในเวลาต่อมา แม่ชีจอยและพวกก็เดินทางมาที่วัดอีกครั้ง เพื่อเข้าไปเอาข้าวของในกุฏิ

วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

ภาพพันธมิตรกระทำกับเสื้อแดง ที่พวกเราต้องจดจำ

ภาพ พันธมิตรกระทำกับเสื้อแดง ที่พวกเราต้องจดจำ
[Image: 1362552222102.jpg]

[Image: 1220349373.jpg]

[Image: 1220349360.jpg]

[Image: 1220349326.jpg]

[Image: 1362552222218.jpg]

[Image: 1362552221815.jpg]

[Image: 1362552221654.jpg]

[Image: 169255240900.jpg]

[Image: 11429915high.jpg]

[Image: 1362552221724.jpg]
[Image: 1220349629.jpg]

[Image: 1220349428.jpg]

[Image: 1220349441.jpg]

[Image: 1220349779.jpg]

[Image: antigovernmentprotester.jpg]

[Image: com0000004935.jpg]

[Image: fimg0550mdfca9c2.jpg]

[Image: jhjf.jpg]

[Image: p69681680.jpg]

[Image: p69681681.jpg]
[Image: p7708616100.jpg]

[Image: p7708616103.jpg]

[Image: 00333g.jpg]

[Image: 31982237.jpg]
[Image: 164255241700.jpg]

[Image: 164255241914.jpg]

[Image: 164255241803.jpg]

[Image: 164255242235.jpg]

[Image: 164255242021.jpg]

[Image: 164255242645.jpg]

[Image: nn65.jpg]

ลอบกัดที่ซอย 5 สงกราณ์เลือด ครั้งที่ 1 
 
[Image: p72468362.jpg]

[Image: p72476761jp3.jpg]

[Image: p72468360.jpg]

[Image: 1302233735.jpg]

[Image: 1originali.jpg]

[Image: frimarch2009113729a2.jpg]

[Image: p724683640.jpg]

[Image: p724683646.jpg]

[Image: p72451157.jpg]
 
[Image: p72906725.jpg]

[Image: 1912554170041.jpg]


[Image: 812552154741.png]
[Image: 22july9.jpg]
[Image: kz4tip72244802.jpg]
 

วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

“ประชาวิวัฒน์” ลอกทั้งดุ้น!! ลอกแบบหน้าตาเฉย


[Image: p01110111.jpg]

รากหญ้ารู้ทัน”จอมลอกเลียน”
“ประชาวิวัฒน์” –เรื่องเก่าชัดๆ
ของจริง... ของแท้... ของดั้งเดิม... เป็นเรื่องที่สังคมสามารถที่จะรับรู้ได้เอง
โดยไม่ต้องทุ่มเทโฆษณาชวนเชื่อ
ในขณะที่ “ของลอกเลียนแบบ” ก็เป็นสิ่งที่คนรู้ได้ในทันทีว่าเป็นของก็อปปี้

ก็เหมือนกับสมัยก่อนบนถนนรังสิต สารพัดก๋วยเตี๋ยวเรือ
ก็จะขึ้นยี่ห้อว่าเป็น “โกฮับ” โกนั่น โกนี่ สารพัดโก จนคนงงไปหมดว่าอะไรจะญาติเยอะปานนั้น...
แต่ด้วยความที่ของแท้เท่านั้น ที่จะมีรสชาติสมเป็นของจริง
บรรดาสารพัดโกที่ลอกเลียนแบบก็ล้มหายตายจากไปเอง… นี่คือสัจจะธรรมที่เป็นจริง

ดังนั้น กรณีของนโยบายประชานิยม ที่กำลังมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในขณะนี้ ว่า
ที่พรรคประชาธิปัตย์ ชูนโยบายประชาวิวัฒน์ ว่าจะใช้เป็นนโยบายหลักนั้น
จริงๆแล้วก็แค่เป็นการลอกเลียนแบบมาจากจากนโยบายประชานิยมของพรรคไทยรักไทยนั่นเอง!!​!

และเป็นการลอกเลียนมา เพื่อที่จะเป็นการหาเสียงก่อนการเลือกตั้งที่จะมาถึง ...
เนื่องจากเป็นรัฐบาลมา 2 ปี ทำไมจึงมาชูนโยบายเอาในปีสุดท้ายที่อายุรัฐบาลจะครบเทอมแบบนี้
ถือเป็นกระแสคำถามที่รุนแรงอย่างยิ่งสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ และบรรยากาศการเมืองของไทย

เนื่องจากต้องไม่ลืมว่า กลไกประชาธิปไตยของประเทศไทย
ในห้วงเวลานับตั้งแต่มีการทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา
ทุกอย่างบิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่างผิดกติกาไปหมด
เพราะปัจจัยจากขั้วอำนาจพิเศษและทหาร
ที่ก่อให้เกิดการทำลายล้างทางการเมืองอย่างรุนแรงนั่นเอง
กติกาประชาธิปไตยทั่วโลก... คิดต่าง เห็นต่างได้ เพราะเป็นเรื่องของนานาทัศนะ

แต่ประชาธิปไตยไทยหลักรัฐประหาร...
คิดต่าง เห็นต่าง จะต้องถูกทำลายในสารพัดรูปแบบ
แม้แต่กระทั่งว่ารุนแรงชนิดเข่นฆ่าทำลายล้างกันอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ในเ​มืองไทย…
ก็ยังเกิดขึ้นมาแล้ว
ทำให้สถานการณ์การเมืองของไทยในวันนี้
แม้ว่าจะรู้ดีว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จะครบเทอมในช่วงปลายปี 2554 นี้แล้ว
แต่หลายๆคนก็ยึงไม่แน่ใจว่า

ในปีนี้จะมีการเลือกตั้งใหญ่เกิดขึ้นหรือไม่???
ภายใต้ขั้วอำนาจพิเศษ ภายใต้รองเท้าบู๊ท และปากกระบอกปืน อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น!!!
แล้วแค่การที่พรรคประชาธิปัตย์จะลอกเลียนแบบ
หรือจะนำนโยบายประชานิยมมาใช้จะแปลกตรงไหนกัน

จริงอยู่ในอดีตสมัยที่พรรคไทยรักไทย นำนโยบายประชานิยมมาใช้
พรรคประชาธิปัตย์จะเคยไม่เห็นด้วย เคยโจมตี เคยรังเกียจรังงอน
แต่นั่นมันก็เพราะความเป็นพรรคฝ่ายค้าน ที่ต้องค้านดะเอาไว้ก่อน
รวมทั้งอาจจะขาดวิสัยทัศน์ในการที่จะรู้ว่า จริงๆแล้ว
นโยบายประชานิยมไม่ใช่นโยบายที่เลวร้าย
แถมเป็นนโยบายที่ประชาชนรากหญ้ายอมรับและต้องการ...
ดังนั้นตอนนั้นก็เลยค้านหัวชนฝา

แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยน
นโยบายประชานิยมกลางเป็นสิ่งที่นักการเมืองต้องการมากเสียยิ่งกว่าประชาชนคนรากหญ้าเ​สียอีก
เนื่องจากว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณรายจ่าย ซึ่งรัฐบาลผสมของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรีนั้น ถือว่ามีข้อครหาอื้อฉาวในเรื่องงบประมาณอย่างมากที่สุด
ทุจริตมากเสียยิ่งกว่ารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ที่กลุ่มนายทหาร ได้ใช้เป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารมาแล้วด้วยซ้ำ

ฉะนั้นหากว่าจะมีการลอกเลียนแบบนโยบายประชานิยมมาจริงๆ
ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใดทั้งสิ้นสำหรับรัฐบาลชุดนี้
และไม่แปลกที่แม้แต่นายอภิสิทธิ์ จะลืมคำพูดที่โจมตีเรื่องประชานิยม
แล้วหันมาชื่นชมแทนด้วยการเปลี่ยนชื่อ รวมทั้งฉวยจังหวะวันขึ้นปีใหม่
ประกาศซึ้อใจประชาชนด้วยประชานิยม 9 ข้อ

1. ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม จะมีการปรับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยจะเปิดโอกาสให้สมทบเงินไม่เกิน 100 บาทต่อเดือน
พร้อมเข้ามาอยู่ในระบบกองทุนประกันสังคมได้
แล้วจะได้สิทธิประโยชน์ในเรื่องของการชดเชยรายได้เมื่อเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต

2. เป็นสินเชื่อกรณีพิเศษให้ผู้ขับแท็กซี่ที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี
สามารถเป็นเจ้าของรถแท็กซี่ใหม่ โดยผ่อนเงินดาวน์ต่ำสุด 5%
ถ้ามีประสบการณ์มากกว่า 9 ปี โดยมีวงเงินสินเชื่อให้ 1,600 ล้านบาท

3. เรื่องของการขึ้นทะเบียนให้รถจักรยานยนต์รับจ้างถูกกฎหมาย 100%
จะมีการจัดระบบ ออกบัตรประจำตัว เลขเสื้อวิน หมวกนิรภัย ให้สอดคล้องต้องกันทั้งหมด
ซึ่งบัตรประจำตัวก็จะพัฒนาไปสู่การพัฒนาระบบสวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์ต่อไปได้

4. เรื่องของผู้ค้าขายหาบเร่ แผงลอย ใช้หลักการเดียวกันกับผู้ที่ประกอบอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
ซึ่งจะดูแลในเรื่องของจุดผ่อนผัน ในหลายจุดที่จะมีการผ่อนผันเพิ่มเติม

5. เป็นการบริหารจัดการเกี่ยวกับกองทุนน้ำมัน โดยเลิกการอุดหนุนแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรม
โดยจะให้ไปใช้แอลพีจีในราคาตลาด ส่วนภาคครัวเรือนและภาคขนส่งจะตรึงราคาไว้เหมือนเดิม

6. ผู้ที่ใช้ไฟน้อยกว่า 90 หน่วย จะใช้ไฟฟรีอย่างถาวร โดยจะปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียม
ใครใช้ไฟเยอะ ก็ต้องจ่ายเงินเยอะ แล้วนำเงินส่วนนั้นมาให้ผู้ที่ใช้ไฟน้อย

7. เรื่องต้นทุนของภาคเกษตร เรื่องของอาหารสัตว์ พ่อพันธุ์แม่พันธุ์
ที่ปัจจุบันส่งผลให้ราคาเนื้อสัตว์สูงกว่าที่ควรจะเป็น จะพยายามทำให้เกิดความเป็นธรรมที่มากขึ้น

8. เรื่องการเปิดเผยต้นทุน ราคาต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ หรือสถานีโทรทัศน์
เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทราบถึงความเคลื่อนไหวของราคาต้นทุนต่างๆ
จะได้ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการค้าขาย ส่วนไข่ไก่ จะพยายามให้มีการค้าขายกันเป็นกิโล
และสุดท้าย…….

9. เป็นเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จะประกาศให้ภายใน 6 เดือน
กรุงเทพฯ ปัญหาอาชญากรรมต่างๆจะลดลง 20% แนวทางคือ
กำหนดพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยงมากที่สุด 200 กว่าจุด จะมีกล้องวงจรปิด รวมถึงบุคลากร
ที่จะไปตรวจตราพื้นที่ โดยใช้งบ 200-300 ล้านบาท ในการปรับปรุงเรื่องของอุปกรณ์

ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์พยายามชูว่าเป็นกระบวนการของการปฏิรูปประเทศไทย เป็นวาระเร่งด่วน
ซึ่งแผนทั้งหมดจะได้มีการนำเสนอ ครม. ในวันนี้ (อังคารที่ 11 ม.ค.)
แต่แค่เปิด 9 ข้อออกมา เสียงสะท้อนผ่านคำว่าลอกเลียน ก็ระงมจนประชาธิปัตย์ทนไม่ได้!!!
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ต้องออกมายืนกรานว่า
ไม่มีส่วนใดที่คล้ายคลึงกับนโยบายในอดีต
ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนให้รัฐบาลได้ผ่านเป็นมติ ครม. โดยถือว่า
เป็นการยืนยันสัญญาประชาคมอีกครั้งหนึ่ง

ในขณะที่ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญและนักศึกษาด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ
ประจำสถาบันคอร์เนลล์เพื่อภารกิจของรัฐ (Cornell Institute for Public Affairs)
มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ (Cornell University) กล่าวว่า......

จากการสุ่มตัวอย่างครัวเรือนจากฐานข้อมูล 20 ล้านครัวเรือนของประเทศ
เรื่องเชื่อมั่น “แผนประชาวิวัฒน์” กับนายกฯ อภิสิทธิ์ จำนวน 1,138 ตัวอย่าง
โดยดำเนินการในช่วง 9 ม.ค. 2554 พบว่า
ผู้ชมรายการสดที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.0 ระบุว่า
ได้รับความชัดเจนในแผนประชาวิวัฒน์ ในเรื่อง
การช่วยลดค่าครองชีพ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง รองลงมาหรือร้อยละ 62.5
ได้รับความชัดเจนในเรื่องการช่วยแก้ปัญหาทางการเงิน การประกอบอาชีพ
ของกลุ่มอาชีพ แท็กซี่ รถรับจ้าง หาบเร่ แผงลอย และ
ร้อยละ 62.0 ได้รับความชัดเจนในเรื่องหลักประกันสังคม หลักประกันสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชมรายการสดไม่ได้รับความชัดเจนในแผนประชาวิวัฒน์ที่ตนเองคาดหวังไว้ว่า
จะได้ยินความชัดเจน ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.3
ไม่ได้ความชัดเจนเรื่องการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น
รองลงมาคือ ร้อยละ 56.6 ไม่ได้ความชัดเจนเรื่องการกระจายที่ดินและโฉนดชุมชน
และร้อยละ 49.1 ไม่ได้ความชัดเจนเรื่องการแก้ปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตามลำดับ

ที่สำคัญส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.7 ระบุว่า เรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ยินในรายการสดเชื่อมั่นประเทศไทยฯ
ล่าสุดนี้ เป็นเรื่องเก่าที่เคยได้ยินมาแล้ว
มีแค่ร้อยละ 31.3 ระบุเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งได้ยิน

ดร.นพดล กล่าวว่า สิ่งที่ประกาศไว้ในแผนประชาวิวัฒน์เวลานี้
ส่วนใหญ่จะได้แค่ความรู้สึกทางจิตวิทยาเท่านั้น จึงขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของรัฐบาลว่า
ประชาชนกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่จะจับต้องสิ่งที่ประกาศออกมาได้เมื่อไหร่

นอกจากนี้ยังมีความน่าห่วงใยอย่างน้อย 3 ข้อ คือ
1. ความไม่ยั่งยืนในนโยบาย
2. ความอ่อนแอในกลุ่มประชาชนที่คอยแต่จะรับสิ่งที่รัฐบาลจะให้ และ
3. “ความเท็จ”ที่จะมีการปั่นตัวเลขรายงานถึงความสำเร็จในโครงการต่าง ๆ
ทางออกคือข้อเสนอ 3 เร่ง ได้แก่
1. เร่งหามาตรการสนับสนุนให้เกิดความยั่งยืน
2. เร่งกระจายทรัพยากรให้ประชาชนและชุมชนได้ครอบครองเป็นเจ้าของที่ทำกินโดยเร็ว และ
3. เร่งแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นและการเลือกปฏิบัติในมาตรการต่าง ๆ ตามแผนประชาวิวัฒน์ครั้งนี้

ในขณะที่นายเมตตา บันเทิงสุข รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า
นโยบายให้คนไทยกว่า 9.1 ล้านครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 90 หน่วยต่อเดือนใช้ไฟฟ้าฟรี
คิดเป็นเงินที่ต้องชดเชย 1,200-1,600 ล้านบาทต่อปี

ซึ่งกระทรวงอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างราคาใหม่
ในลักษณะที่จะเก็บค่าไฟฟ้าในอัตราก้าวหน้ากับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าสูงกว่า 90 หน่วยต่อเดือนเข้ามาชดเชย
ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมคาดว่าจะรับภาระเพิ่มเฉลี่ยไม่เกิน 1% ต่อราย
เพราะผู้ที่ใช้ไฟฟ้าฟรีคิดเป็นมูลค่าเพียง 4% ของมูลค่าการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศ

นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลัง งาน กล่าวว่า
กลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าเยอะจะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมมีสัดส่วนสูงกว่า 50% ของมูลค่าใช้ไฟฟ้าทั้งหมด
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีส่วนเข้ามารับผิดชอบตรงนี้

ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า
พรรคเพื่อไทยเห็นว่าไม่ได้มีอะไรใหม่ ๆ ให้ประชาชนเลย
เพราะสิ่งที่รัฐบาลทำออกมานั้นไม่ได้แตกต่างจากโครงการเอื้ออาทรของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
อีกทั้งยังเป็นโครงการที่ทำเพื่อการซื้อเสียงอย่างชัดเจนเหมือนเป็นการซื้อเสียงล่วง​หน้า

“โครงการที่รัฐบาลพยายามทำนั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรที่จะทำมาตั้งแต่ 2 ปีก่อนหน้านี้แล้ว
แต่เพิ่งจะมาคิดที่จะทำ จึงอยากถามว่า 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลเอาเวลาไปทำอะไร เพิ่งจะมาคิดทำตอนนี้”

นางวรวรรณ ชาญด้วยวิทย์ นักวิจัยประจำสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึง
นโยบายประชาวิวัฒน์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแรงงานนอกระบบว่า โดยภาพรวมยังไม่มีความชัดเจนมากนัก
ต้องดูรูปแบบการประกันความเสี่ยงที่รัฐบาลจะเสนอออกมา

ซึ่งส่วนตัวคิดว่าการนำมาตรา 40 ของ พ.ร.บ.ประกันสังคม มาใช้เพื่อเป็นสวัสดิการนั้นไม่เหมาะสม
ทั้งตัวเงินสมทบที่ต้องจ่าย และสิทธิที่ได้รับ

ก็คงต้องดูว่าโครงการเร่งรัฐปฏิบัติการด่วนเพื่อคนไทย หรือประชาวิวัฒน์
ที่อ้างว่าไม่ใช่นโยบายประชานิยม หรือลอกเลียนแบบใครมานั้น
สุดท้ายแล้วจะประทับใจประชาชนคนไทยจริงๆมากน้อยเพียงใด???

วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554

รายงานข่าว 1เดือนแรกคว่ำบาตรมาม่า



[Image: smama.jpg]



[Image: njemk.jpg]

สินค้าเผด็จการ
-ลังมาม่าที่ผู้บริหารเครือสหพัฒน์ส่งไปบำรุงพันธมิตร
ในช่วงยึดสนามบินสุวรรณภูมิ


8 ธันวาคม 2553 คิกออฟคว่ำบาตรมาม่า
-เครือข่ายผู้บริโภคสีแดง ได้ประกาศเริ่มมาตรการคว่ำบาตร
ทางเศรษฐกิจต่อองค์กรธุรกิจที่ให้การสนับสนุนระบอบปกครองเผด็จการอำมาตย์
และได้รับการเกื้อหนุนจากฝ่ายเผด็จการ
โดยประกาศเริ่มต้นคว่ำบาตรเศรษฐกิจต่อสินค้า
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า ของบริษัท ไทยเพรสซิเด้นต์ฟู้ดส์
ในเครือสหพัฒนพิบูล ของตระกูลโชควัฒนา
ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของประเทศ

9 ธันวาคม 2553 มั่นใจเกิน 20 ล้านคนร่วมคว่ำบาตร
-โดยเครือข่ายผู้บริโภคสีแดงกำหนดเวลาการคว่ำบาตร
ไม่ซื้อ ไม่บริโภคเป็นเวลา 1 เดือน ระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม 2553 ถึง 8 มกราคม 2554
โดยตั้งเป้าหมายเชิญชวนให้ผู้ที่เคยสนับสนุนพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล
และถูกระบอบอำมาตย์กับกลุ่มทุนบริวารโค่นล้ม
ไม่น้อยกว่า 20 ล้านคนทั่วประเทศเข้าร่วมการรณรงค์ครั้งนี้

13 ธันวาคม 2553 มาม่าเอะใจทำไมส่วนแบ่งการตลาดวูบ10%
-ช่วงเดียวกันนี้มีการศึกษาวิจัยหัวข้อเรื่อง
"เหตุใด ส่วนแบ่งทางการตลาดของมาม่าจึงมีสัดส่วนที่ลดลง" ทั้งนี้
กลุ่มผู้ทำการศึกษาวิจัยได้เผยแพร่เอกสารดังกล่าวไว้
ในระบบข้อมูลlearners ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ระบุว่า
ส่วนแบ่งการตลาดของมาม่าที่เคยสูงถึงง 60%ในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ลดวูบลงมาเหลือราว 50%ในปัจจุบัน

รายงานระบุว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของ “มาม่า” ลดลงอย่างต่อเนื่อง
และค่อนข้างคงที่ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น
”มาม่า” จึงต้องทำการวิจัยศึกษาว่า
เพราะเหตุใด “มาม่า”จึงมีส่วนแบ่งทางการตลาดลดลง
และจะสามารถแก้ปัญหานั้นได้อย่างไร
เพื่อให้ตนเองนั้นได้กลับมามีส่วนแบ่งทางการตลาดที่เท่าเดิม หรือมากกว่าเดิมได้

15 ธันวาคม 2553 ผู้บริหารมาม่าไหวตัวโดนรุมต้าน กระจายข่าวบิ๊กบริษัท
-นางสาวพจนา พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการฝ่ายส่งออกของมาม่า และ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพรสซิเด้นท์อินเตอร์ฟู้ด บริษัทในเครือของมาม่า
ได้แจ้งต่อผู้ถือหุ้รายย่อยของบริษัทที่ร้องเรียนไปยังบริษัทมาม่าให้ชี้แจง
หลังถูกบอยคอตว่า
ขอขอบคุณที่ผู้ถือหุ้นไทยเพรสซิเดนท์ฟู้ดส์แจ้งข่าวการบอยคอตคว่ำบาตรมา
ดิฉันจะส่งต่อ Link ข่าว ให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

18 ธันวาคม 2553 ผู้บริหารดีกรีด๊อกเตอร์กราดใส่คนบอยคอตไร้การศึกษา
-มีรายงานว่า ดร.พจนี พะเนียงเวทย์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัทได้แสดงปฏิกริยา
ในทางลบหลังจากได้รับหนังสือเวียนจากนางสาวพจนา โดยระบุว่า

"ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลที่แจ้งมา

ฉันคิดว่า คุณคงทราบดี อะไรจริงไม่จริง ฉันไม่ได้สนใจหรอกว่า
จะถูกประชาชนบอยคอตหากว่ามันมีเหตุผลที่ถูกต้อง
หากกล่าวอย่างเกือบที่สุดแล้วก็คือว่า
บริษัทของเรามีเอกลักษณ์ที่เป็นของตัวเอง
หากเพียงเพราะว่ามาม่าเป็นส่วนหนึ่งของเครือสหพัฒนพิบูล
แล้วพาเราไปสู่ความยุ่งยาก
เราก็จะไม่ออกไปข้างนอกเพื่อแก้ไขความเข้าใจที่ผิดๆนี้

ฉันหวังว่า ผู้ที่มีการศึกษาจะสามารถทำในสิ่งที่ดีที่สุด
และเลือกในสิ่งที่เป็นทางเลือกดีที่สุด"



ซึ่งได้สร้างปฏิกริยาต่อต้านให้ขยายวงออกไป
เนื่องจากผู้บริโภคมาม่าส่วนใหญ่ไม่ได้มีดีกรีการศึกษาสูงระดับด๊อกเตอร์
แต่เป็นคนจน เกษตรกร แรงงาน นักศึกษา และผู้มีรายได้น้อย เป็นส่วนใหญ่

20 ธันวาคม 2553 สามนักวิชาการสาว
ชี้คว่ำบาตรมาม่าเทียบเคียงคานธีบอยคอตอังกฤษ
-3 นักวิชาการสาว
ผศ.ดร.สุดา รังกุพันธ์ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อาจารย์หวาน) ,
รศ.ดร.สุดสงวน สุธีสร อาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อาจารย์ตุ้ม) และ
ผศ.ดร.จารุพรรณ กุลดิลก อาจารย์พิเศษคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (อาจารย์จา)

ดำเนินรายการที่นี่ความจริง ทางโทรทัศน์ Asia Update-DNN กล่าวถึง
ความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในแคมเปญการรณรงค์คว่ำบาตรมาม่า
-สินค้ากลุ่มทุนที่สนับสนุนเผด็จการ

 

ทั้งนี้นักวิชาการทั้งสามชี้ว่า
หากใครเห็นว่าเรื่องนี้ตลก หรือคงไม่มีผลในการเปลี่ยนแปลงอะไร
ก็ขอให้ลองย้อนมองไปถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สำคัญกรณีหนึ่ง คือ
กรณีที่
มหาตมะ คานธี เคยรณรงค์ในด้านเศรษฐกิจเพื่อเรียกร้องเอกราชอินเดียจากอังกฤษ

โดยมหาตมะ คานธี ใช้การดื้อแพ่งนำพาชาวอินเดียผลิตเกลือบริโภคเอง
แม้อังกฤษจะมีกฎหมายบังคับให้ซื้อเกลือจากอังกฤษเท่านั้น
และเป็นกรณีสำคัญที่นำไปสู่เอกราชของอินเดียในเวลาต่อมา

22 ธันวาคม 2553 หุ้นมาม่าร่วง กลต.จี้เคลียร์ข่าว
-ฐานเศรษฐกิจ
รายงานว่า

ราคาหุ้นมาม่าได้ร่วงลงหลังจากเสื้อแดงพากันคว่ำบาตร
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)เปิดเผย
มีนักลงทุนที่เป็นผู้ถือหุ้นมาม่าร้องเรียนมายังสำนักงานขอให้แจ้งต่อบริษัท
ไทยเพรสซิเด้นต์ฟู้ดส์ชี้แจงเป็นการด่วนเรื่องมีกระแสข่าวถูกคว่ำบาตร

"ผู้ถือหุ้นของไทยเพรสซิเด้นต์ฟู้ดส์(TF)ร้องเรียนมายังสำนักงานฯว่า
ปรากฎข่าวโจมตีบริษัทไทยเพรสสิเด้นฟู้ดส์แพร่หลายในอินเตอร์เน็ตและสื่อต่างๆ
ชักชวนให้คนต่อต้านไม่ซื้อสินค้ามาม่า
ซึ่งเป็นรายได้หลักของTF อ้างว่าสนับสนุนเผด็จการ
โดยแจ้งว่าจะมีคนเข้าร่วมการคว่ำบาตรเกิน20ล้านคน
จึงขอให้สำนักงานกลต.ได้แจ้งให้บริษัทชี้แจงแก้ไขข่าวด้วย
เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ถือหุ้นรายย่อย" รายงานจากกลต.ระบุ พร้อมทั้งเปิดเผยว่า
ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการ

ต่อมากลต.เผยว่าได้แจ้งไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ให้ประสานงานกับTF เจ้าของมาม่าแล้ว

25 ธันวาคม 2553 เครือข่ายลูกค้ารายใหญ่ของมาม่า
36 องค์กรแถลงการณ์หนุนคว่ำบาตร


-องค์กรเครือข่ายต่างๆ 36 องค์กร ซึ่งประกอบด้วย
เครือข่ายองค์กรนิสิตนักศึกษา
คนจนเมือง
เกษตรกร
ผู้ใช้แรงงาน
และเครือข่ายประชาชนต่างๆรวมทั้งนักกิจกรรม
และประชาชนทั้งในและต่างประเทศพากันออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง
สนับสนุนกิจกรรมรณรงค์คว่ำบาตรมาม่า-สินค้าที่สนับสนุนเผด็จการ

7 มกราคม 2554 มาม่าประกาศตรึงราคาถึงสิ้นมี.ค. ส่อหนีตายไปหากินอินเดีย
-นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์
-"มาม่า" เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมตรึงราคามาม่าออกไปอีก
3 เดือน จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2554
แต่ยอมรับว่าในขณะนี้ต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตสินค้าปรับตัวขึ้นสูงมาก
ทั้งน้ำมันปาล์ม และแป้งสาลี รวมทั้งราคาวัตถุดิบในด้านอื่นๆ
ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

วันเดียวกันนี้กระทรวงพาณิชย์อนุมัติให้ขึ้นราคาน้ำมันปาล์ม
บรรจุขวดอีกขวดละ 9 บาท เป็น 47 บาท
ทำให้ต้นทุนมาม่าพุ่ง ขณะที่ขึ้นราคาก็ไม่ได้ เพราะเจอแรงคว่ำบาตรกดดัน

นายพิพัฒกล่าวว่า มีแผนจะลงทุนในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
โดยเบื้องต้นบริษัทมีแผนลงทุนในหลักหลายสิบล้านบาท
เพื่อเปิดโรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศอินเดีย

8 มกราคม 2554 คว่ำบาตรมาม่าต่อเฟส2ถึงสิ้นมีค54
ฮึ่มยกระดับคว่ำบาตรสหพัฒน์ทั้งเครือ

-เครือข่ายผู้บริโภคสีแดงประเมินผลว่า
ระยะ 1 เดือนแรกมีผลสะเทือนจากการคว่ำบาตรสูงเกินคาด
จากการประเมินแล้ว มวลชนที่เข้าร่วมเกินกว่า 20 ล้านคน
ต้องการให้บทเรียนสั่งสอนมาม่าต่อไปอีก 3 เดือน
จึงจะขยายแคมเปญออกไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2554
และอาจจะพิจารณาเริ่มต้นการคว่ำบาตรสินค้าเครือสหพัฒน์ทั้งเครือต่อไป
หากมวลชนเสื้อแดงมีความพร้อมในระดับเกิน 20 ล้านคนทั่วประเทศ

คำขวัญวันเด็กปี ๒๕๕๔ ของ "พตท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร"

คำขวัญวันเด็กปี ๒๕๕๔ ของ "พตท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร"

[Image: 167328_494049923863_668783863_5871871_5947495_n.jpg]





 

©2010 กลุ่มแดงหลังตู้เย็น

ดาวน์โหลด pdf creator : Discount Cordless Screwdriver : Online Condom Store : Strathwood Chair Shop