ผู้สนับสนุน

วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555

"อภิสิทธิ์"โต้พัลวันโดนบีบีซีไล่ต้อนทวงถามความจริง-ตัดพ้อไม่แฟร์กล่าวหาว่า"สั่งใช้กระสุนจริง"เท่ากับ"ฆ่าคน"

แปลคำต่อคำ!! "อภิสิทธิ์"โต้พัลวันโดนบีบีซีไล่ต้อนทวงถามความจริง-ตัดพ้อไม่แฟร์กล่าวหาว่า"สั่งใช้กระสุนจริง"เท่ากับ"ฆ่าคน"




คำต่อคำ มาร์ค แจงบีบีซี
ไม่เสียใจสั่งฆ่า-ใช้กระสุนจริง


 หมายเหตุ - รายการบีบีซี เวิลด์ นิวส์ ทางสถานีโทรทัศน์บีบีซีของอังกฤษ เผยแพร่การสัมภาษณ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. กรณีถูกดีเอสไอตั้งข้อหา "ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล" และความรับผิดชอบต่อคำสั่งสลายการชุมนุมม็อบเสื้อแดงเมื่อปี 2553  

 อภิสิทธิ์ : ผมคิดว่าทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เราก็เป็นฝ่ายตั้งกระบวนการยุติธรรมขึ้นมาเพื่อสอบสวนการเสียชีวิต ซึ่งก็มีการสอบสวนทั้งการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ เรื่องนี้ต้องมีการรับผิดชอบ

 ผู้ดำเนินรายการ : ซึ่งนั่นก็รวมถึงตัวคุณด้วยเพราะคุณคือผู้ที่อยู่ในตำแหน่ง ขณะที่ประชาชน 90 กว่าคนเสียชีวิตจากการประท้วง

 อภิสิทธิ์ : ถูกต้องครับ เราได้ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง รวมถึงคณะตำรวจ และกลไกในกระบวนการยุติธรรมซึ่งต้องดำเนินการ แต่ว่าข้อกล่าวหาผมนั้นเกินเลยไป

 ผู้ดำเนินรายการ : ทำไมข้อกล่าวหาจึงเกินเลย 

 อภิสิทธิ์ : (พูดแทรก) เพราะว่า... 

 ผู้ดำเนินรายการ : (พูดต่อ) ในเมื่อคุณคือคนที่อยู่ในอำนาจขณะที่มีการใช้กำลังสลายพื้นที่การชุมนุม

 อภิสิทธิ์: แต่ถ้าคุณจำได้ สถานการณ์ขณะนั้นคือมีประชาชนยึดพื้นที่ใจกลางเมือง และมีประชาชนที่ติดอาวุธ พวกเขายิงลูกระเบิดเข้าใส่ประชาชน เราไม่ได้แม้แต่เข้าไปสลายการชุมนุมเลย แต่เราเพียงแค่ตั้งด่านตรวจเช็ก ซึ่งต่อมาด่านตรวจเหล่านี้ก็ถูกโจมตีด้วย แล้วก็มีการต่อสู้กันบนถนน โชคร้ายที่มีประชาชนเสียชีวิต

 ผู้ดำเนินรายการ : แต่ว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตจากการยิงของเจ้าหน้าที่รัฐ 

 อภิสิทธิ์: (พูดแทรก) ไม่ใช่แบบนั้น ไม่ใช่แบบนั้นเลย

 ผู้ดำเนินรายการ : แต่องค์การฮิวแมนไรต์วอตช์ได้ทำรายงานสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดถึงเหตุการณ์ปี 2553

 อภิสิทธิ์ : (พูดแทรก) ไม่จริง รายงานที่ละเอียดที่สุดคือ...

 ผู้ดำเนินรายการ : (พูดต่อ) และรายงานของฮิวแมนไรต์วอตช์ก็ระบุว่าเกือบทุกคนที่ตายนั้นถูกเจ้าหน้าที่รัฐยิง

 อภิสิทธิ์: รายงานที่ละเอียดที่สุดนั้นทำโดยคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) และมีราว 20 กรณีที่ผู้เสียชีวิตเกิดจากการกระทำของฝ่ายผู้ประท้วงซึ่งมีอาวุธ

 ผู้ดำเนินรายการ: แต่นั่นคือจำนวนน้อย เรากำลังพูดถึงความตาย 90 กว่ากรณี 

 อภิสิทธิ์ : (พูดแทรก) แต่...

 ผู้ดำเนินรายการ : (พูดต่อ) คุณควรจะยอมรับว่าการตายส่วนใหญ่นั้นเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐไม่ใช่หรือ?

 อภิสิทธิ์: ไม่ครับ ไม่ ไม่ ไม่ เพราะว่าเรามีการสอบสวนอยู่ราว 20 กรณี และเพียงแค่ 2 กรณีเท่านั้นที่สรุปว่าเป็นการตายจากการถูกกระสุนปืนซึ่งใช้ในกองทัพ แต่คุณก็ควรจะต้องจำด้วยว่า ผู้ชุมนุมได้ขโมยอาวุธจากกองทัพไป 

 ผู้ดำเนินรายการ : (พูดแทรก) ถ้าเช่นนั้นคุณก็ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า...

 อภิสิทธิ์ : (พูดต่อ) และในการจะกล่าวหาที่เจาะจงเช่นนี้ คุณต้องรู้เกี่ยวกับข้อหาที่ถูกแจ้งไว้เสียก่อน

 ผู้ดำเนินรายการ : แต่คุณก็ยอมรับใช่ไหมว่าต้องรับผิดชอบต่อการตายในบางกรณี คุณยอมรับไหม?

 อภิสิทธิ์ : ไม่ครับ การแจ้งข้อหาต่อผมในขณะนี้คือการเสียชีวิตของคนที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมเลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ มีรถตู้คันหนึ่งพยายามฝ่าแนวกั้นของทหาร จากนั้นจึงมีการยิง ผู้ตายนั้นเพียงแต่ออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วก็โชคร้ายที่เขาถูกยิง

 ผู้ดำเนินรายการ: คุณกำลังบอกว่าอันนี้เป็นคดีแรกที่มีการสรุป และไม่ได้แปลว่าคดีอื่นๆ จะเป็นลักษณะนี้ด้วย?

 อภิสิทธิ์ : ใช่ ถ้าจะพูดว่ารัฐบาลเป็นผู้สั่งทหารให้ฆ่าประชาชนก็ไม่ได้ตรงตามสิ่งที่เกิดขึ้นทีเดียว

 ผู้ดำเนินรายการ: แต่คุณอนุญาตให้ใช้กระสุนจริง

 อภิสิทธิ์ : เราอนุญาตให้ใช้กระสุนจริง

 ผู้ดำเนินรายการ : คุณเสียใจต่อการตัดสินใจดังกล่าวหรือไม่

 อภิสิทธิ์ : แต่ถ้าอย่างนั้นคุณจะสู้กับกลุ่มคนที่ติดอาวุธได้ยังไงล่ะ

 ผู้ดำเนินรายการ: ฉะนั้นคุณก็ไม่เสียใจต่อการใช้กระสุนจริง?

 อภิสิทธิ์ : ผมเสียใจที่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็มีคำสั่งก็ชัดเจนว่าพวกเขาควรใช้กระสุนจริงอย่างไร ภายใต้สถานการณ์แบบไหน คำสั่งซึ่งออกโดยรองนายกฯ (สุเทพ เทือกสุบรรณ) นั้น เพื่อป้องกันตัวเอง เพื่อป้องกันการเสียชีวิตของประชาชนคนอื่น และพวกเขาต้องใช้อย่างระมัดระวังสูงสุด หากจะต้องใช้อาวุธต่อคนเหล่านี้ที่บางครั้งก็ปะปนอยู่กับฝูงชน พวกเขาก็ควรหลีกเลี่ยง และถ้าการใช้คำสั่งนี้แปลว่าพวกเราสั่งให้มีการฆ่าคน ผมคิดว่าไม่แฟร์

 ผู้ดำเนินรายการ : โอเค คุณ...

 อภิสิทธิ์ : ขอให้ผมพูดนะครับ ผมได้เข้าร่วมการประชุมหลายครั้งทั่วโลก กรณีการประชุมกลุ่มประเทศ จี-20 ที่อังกฤษนี่ ก็มีบางคนเสียชีวิตเพราะเจ้าหน้าที่พยายามปฏิบัติหน้าที่ของตน และก็ต้องมีการสอบสวน การมีผู้เสียชีวิตนั้นชอบธรรมหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับกฎหมาย แต่ไม่มีที่ไหนที่นายกฯ จะต้องมารับผิดชอบกับปฏิบัติการใดๆ ก็ตาม

 ผู้ดำเนินรายการ : แต่คุณอภิสิทธิ์คะ นี่คือเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดที่ประเทศของคุณได้พบในช่วงหลายสิบปีมานี้ เรื่องที่เรากำลังพูดกันมันค่อนข้างใหญ่ และนี่เป็นปัญหาในยุคที่คุณอยู่ในอำนาจ

 อภิสิทธิ์ : เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เรามีการประท้วงโดยมีประชาชนที่มีอาวุธเข้าร่วม หากนี่เป็นการประท้วงโดยสันติ ภายใต้รัฐธรรมนูญและถูกกฎหมาย สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น

 ผู้ดำเนินรายการ : (พูดแทรก) นี่คุณรู้สึกอย่างไรที่... 

 อภิสิทธิ์ : (พูดต่อ) ถ้าพวกเขาไม่มีชายชุดดำซึ่งมีอาวุธยิงตำรวจ ยิงประชาชน ยิงทหาร ก็จะไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้น

 ผู้ดำเนินรายการ : คุณรู้สึกอย่างไรที่กรณีเหล่านี้กำลังจะกำหนดความทรงจำเกี่ยวกับช่วงที่คุณดำรงตำแหน่ง และคิดว่าผู้คนจะจดจำคุณในช่วงเวลาที่อยู่ในอำนาจอย่างไร

 อภิสิทธิ์ : ไม่คิดว่าเป็นปัญหาอะไร ผมคิดว่าประชาชนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในปี 2552 และ 2553 และสิ่งที่แตกต่างก็คือ ในฐานะรัฐบาล เราเป็นรัฐบาลแรกที่อนุญาตให้ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และอัยการ และศาลทำงานในเรื่องนี้

 และผมยอมรับไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาอย่างไร แม้แต่จะเป็นคำตัดสินประหาร ผมก็จะยอมรับ และผมก็ขอให้อดีตนายกฯ และสมาชิกในรัฐบาลชุดนี้ปฏิบัติตามเช่นกัน เพราะพวกเขาก็มักจะหาทางออกกฎหมายนิรโทษกรรมพวกเขาเองเสมอ 

 ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผมถามอยู่เสมอผมยินดีจะถูกฟ้องร้อง ผมจะต่อสู้ จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในศาล และไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามที่มีคำพิพากษาว่าผมผิด ผมก็จะยอมรับมัน 

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

"การชุมนุมต้องติดอาวุธ...ถึงไปรอด" by "เสธ.อ้าย"

       พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ร่วมให้สัมภาษณ์ในรายการ "ตอบโจทย์" ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ดำเนินรายการโดย น.ส.ณัฏฐา โกมลวาทิน
      
       พล.อ.บุญเลิศ กล่าวถึงเหตุการณ์ชุมนุมวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า คนมาไม่ถึงจำนวนที่กำหนดไว้ เนื่องจากถูกตำรวจสกัดในบริเวณชุมนุม ทำให้มวลชนถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนไม่สามารถรวมกันได้ คนในกรุงเทพฯมาไม่ได้ คนต่างจังหวัดถูกตำรวจกักอยู่ตามที่ต่างๆ ขณะที่ตนประกาศยกเลิกม็อบตอน 17.40 น. คนยังติดที่ด่านต่างๆอยู่เลย ถนนทุกเส้นที่เข้ากรุงเทพฯถูกสกัดหมด
      
       เมื่อถามว่าเป็นเพราะประชาธิปัตย์และพันธมิตรฯนัดว่าจะส่งคนมาร่วม แต่แล้วไม่มาตามนัดหรือเปล่า พล.อ.บุญเลิศ กล่าวตอบว่า ไม่เกี่ยวกับพันธมิตรฯและประชาธิปัตย์เลย แล้วแต่จะมาก็มา ไม่มีการรับปากว่าจะส่งคนมา
      
       พล.อ.บุญเลิศ กล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ว่า รังแกราษฎรได้เฉียบขาดมาก ทางองค์การพิทักษ์สยามมีหัวหน้าคอยติดต่อตำรวจตลอดเวลา แต่เขาก็รับคำสั่งมาจากรัฐบาล โดยต่อจากนี้ไปทางองค์การพิทักษ์สยามก็ต้องดูแลเรื่องคดีและผู้บาดเจ็บของคนที่มาร่วมชุมนุม ส่วนตนยืนยันว่าไม่กลัวข้อหากบฏอยู่แล้ว ตายยังไม่กลัวเลย
      
       เมื่อถามถึงการชุมนุมในอนาคต พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า ต่อไปจะลำบากทั้งรัฐบาลและผู้ชุมนุม เพราะการชุมนุมอาจต้องติดอาวุธบ้าง เพราะรัฐบาลทำแบบนี้ ชุมนุมมือเปล่ายังขัดขวาง ต้องมีอาวุธถึงไปรอด ถ้าไปมือเปล่าก็ตายหมด
      
       พล.อ.บุญเลิศ กล่าวต่อว่า อนาคตของประเทศต่อจากนี้ไปจะถึงจุดจบ ถ้าปล่อยรัฐบาลนี้บริหารราชการต่อไป เงินจะหมดคลัง อาจวิกฤตเหมือนอาร์เจนติน่า
      
       ต่อข้อถามที่ว่าเชื่อมั่นการเคลื่อนไหวนอกสภามากกว่าระบอบรัฐสภาหรือไม่ พล.อ.บุญเลิศ กล่าวตอบว่า เมืองไทยตอนนี้ ตนเชื่อมั่นการเคลื่อนไหวนอกสภามากกว่า นายกฯพูดแต้งกิ้ว ทรีไทม์ ตนป็นแค่พลเอกธรรมดเวลาจะขึ้นกล่าวอะไรต้องอ่านอย่างน้อย 3 ครั้ง ไม่ใช่ทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย พ.ต.ท.ทักษิณ ดูถูกคนไทยจะเอาใครมาเป็นนายกฯก็ได้ ทำประเทศเสียหาย
      
       จากนั้นทางรายการได้เปิดเทปคำถามจากนายสมบัติ บุญงามอนงค์ (บก.ลายจุด) โดยถามว่าเสธ.อ้าย เคยบอกว่าไม่เคยประทับใจระบอบประชาธิปไตย แล้วต้องการปกครองด้วยระบอบอะไร พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า ที่ไม่เคยประทับใจเพราะประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันปลอม เลือกตั้งได้มาจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ประชานิยมก็เอามาจากเงินภาษี โกงโดยกาเองแล้วเปลี่ยนหีบ ตนคิดว่าน่าจะมีระบบที่ดีกว่าที่ใช้อยู่ การเลือกตั้งคล้ายๆเป็นสัญลักษณ์ที่ได้มาโดยไม่สุจริต
      
       นายสมบัติ ถามอีกว่า การชุมนุมที่ผ่านมา คนมาไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ เป็นเพราะความคิดของเสธ.อ้ายกับคนส่วนใหญ่ไม่สอดคล้องกันหรือเปล่า อาจเป็นความคิดของคนยุคเก่า จึงไม่สามารถอธิบายจูงใจให้คนมาร่วมได้ พล.อ.บุญเลิศ กล่าวตอบว่า เดิมตนก็คิดแบบที่นายสมบัติถาม แต่จากการประเมินแล้ว คนที่มาร่วมถูกขัดขวางจากรัฐบาล รัฐบาลเล่นสกปรก แล้วยังสกัดตามหมู่บ้าน ตำบล ชุมชน ถนน ถ้าคนมาน้อยทำไมเอาตำรวจมาตั้ง 5 หมื่นคน แสดงว่ารัฐบาลก็ประเมินว่ามวลชนเรามีเป็นล้าน

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ทหารหัวหน้าคณะทหารพิทักษ์สยาม ยังเติร์ก..ประกาศร่วม'ม็อบเสธอ้าย'

 

แถลงการณ์คณะทหารพิทักษ์สยาม ฉบับที่ ๑ มีใจความว่า

เนื่องด้วย กรณีการเคลื่อนไหวของ “องการณ์พิทักษ์สยาม” ในการแสดงพลังปกป้องสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในวันที่ ๒๔ ที่จะถึงนี้ ทางคณะของเราได้เล็งเห็นว่า เป็นการแสดงออกได้ตามสิทธิ ในรัฐธรรมนูญโดยสุจริต ตราบใดที่ผู้เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของกฎหมาย และไม่ได้กระทำความรุนแรงวุ่นวายในสังคม เราขอคัดค้านการกระทำใดๆที่กระทำจากรัฐในกรณีที่จะใช้ความรุนแรง ในการสลายการชุมนุมเคลื่อนไหวของประชาชน ซึ่งใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นที่แน่นอนได้ว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้จะเป็นไปอย่างสงบ สันติ และ อหิงสา ตามแนวทางการต่อสู้ ของอารยะชน และ จึงขอแสดงจุดยืนเรียกร้องต่อคณะทหาร ข้าราชการ พ่อค้า นักเรียนนักศึกษา และประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย และพิทักษ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ดังต่อไปนี้

๑.เราทุกคนพร้อมที่จะสละชีวิตเป็นชาติพลี เพื่อปกป้องสถาบันที่รักยิ่งของเราได้ทุกเมื่อ

๒.เรา จะขอพิทักษ์ปกป้องระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นพระประมุขอย่างสุดกำลัง เพื่อแสดงให้เห็นว่า เราไม่ได้มีเจตนา ที่จะล้มล้างระบอบการปกครองแต่อย่างใด

๓.เราขอประณามการใช้ความรุนแรงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นโดยฝ่ายใดก็ตาม

๔.หาก สถานการณ์ในชาติบ้านเมืองเป็นไปด้วยความรุนแรง จนเกิดการกลียุคที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้ ทางเครือข่ายพร้อมที่จะเรียกพี่น้องทหาร เยาวชน และมวลมหาประชาชนออกมาพิทักษ์ชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยวิธีการที่เป็นไปโดยสันติวิธี

๕.ขอเรียกร้องให้ประชาชนชาวไทยทุก คน โดยเฉพาะพลังเงียบ และผู้ที่ไม่ฝักฝ่ายใด ได้ออกมาแสดงพลังแห่งความรักชาติ สลายสีเสื้อรวมใจไทยเป็นหนึ่งเดียว

การ ออกแถลงการณ์ครั้งนี้ เราไม่ได้เผยชื่อกรมกองแต่อย่างใด “คณะทหารพิทักษ์สยาม” ได้แสดงออกในนาม ของ “ประชาชนผู้ใช้สิทธิ์ ในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น “ เพราะเราคือประชาชน และคือลูกหลานประชาชน เราพร้อมที่จะยืนเคียงข้างประชาชนเสมอและทุกเมื่อ เราเห็นว่า ทหารควรมีส่วนร่วมในการแสดงออกทางการเมือง และสรรสร้างประชาธิปไตยไปพร้อมๆกับประชาชน สุดท้ายนี้ ขอเดชะพระบารมีปกเกล้า คุ้มครองพี่น้องประชาชน ที่จะออกมาแสดงพลังในการ”พิทักษ์สยาม” ให้บรรลุถึงผลสำเร็จด้วยทุกประการ

……………."เรามาในนามประชาชน นอกเวลาราชการ"………"ใช้สิทธิตามสมควรที่ระบุไว้ ในรัฐธรรมนูญแห่งพระราชอาณาจักรไทย"……………………..

คณะทหารพิทักษ์สยาม
วันพฤหัสบดี ที่ ๒๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๕

Update สถานการณ์ ม๊อบเสธ. ตั้งเวทีปราศรัยลานพระบรมรูปทรงม้า

Posted Image

บรรยากาศบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตรึงกำลังกระจายตามจุดต่างๆ ในบริเวณโดยรอบทั้งอาคารรัฐสภา และบริเวณรอบข้างลานพระบรมรูปทรงม้า ที่จะใช้เป็นสถานที่ตั้งเวทีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม หรือ อพส. ในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้

ล่าสุดได้มีประชาชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ต่างทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง โดยการนำเต็นท์มากางเป็นที่พักชั่วคราว บริเวณด้านข้างลานพระบรมรูปทรงม้า เป็นจำนวนมาก รวมถึงพระภิกษุสงฆ์ด้วย โดยภายในสถานที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่กองทัพธรรมมูลนิธิกำลังเร่งประกอบโครงเหล็ก จัดตั้งเวทีปราศรัย พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา ทั้งนี้ในบริเวณด้านข้างเวที ยังมีการตั้งเต็นท์ โดยจะมีซุ้มต่างๆ ไว้รองรับผู้ที่จะเดินทางมาชุมนุมในวันพรุ่งนี้อีกด้วย

Posted Image

Posted Image

Posted Image

มาก่อนใคร ม๊อบสันติอโศก..

Posted Image


Posted Image

หลุด !! เอกสาร “ม็อบแช่แข็ง” เตรียมชุมนุม ประจานแผนจัดตั้ง เตรียมการป่วน !!!

เผยพฤติกรรมการระดมพลชุมนุม “แช่แข็งประเทศไทย” ของกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม ล่าสุดพบข้อมูลเอกสารการเตรียมการของกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนที่จะเดินทางจาก โคราชมาร่วมชุมนุมในวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า จำนวนทั้งสิ้น 7 ชิ้นคือ 

1.เป็นแผนที่แสดงจุดสำคัญๆ ในการชุมนุม อาทิ สนามม้านางเลิ้ง จุดจอดรถ จุดรวมพล จุดพักผ่อน ที่ทานอาหาร และที่ตั้งกองกำลังพิทักษ์สยาม
เอกสารชิ้นที่ 2 เป็นเอกสารแสดงแผนผังลานพระบรมรูปทรงม้า แจ้งเส้นทางสถานที่หลบภัยกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน 3 จุด คือ 1.สนามเสือป่า 2.วัดเบญฯ  และ 3.วังสวนจิตร โดยมีการทำลูกศรชี้ทิศทางการเดินทางไปยังจุดต่างๆ ครบถ้วน
เอกสารชิ้นที่ 3 เป็นเอกสารเชิญชวนให้ร่วมการชุมนุมกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม
เอกสารชิ้นที่ 4 เป็น แผนการเดินทางและการปฏิบัติตนระหว่างการชุมนุม โดยมีรายละเอียดเป็นชื่อผู้ประสานงานและเบอร์โทรศัพท์พร้อมทั้งหมด รวมไปถึงการเตรียมตัวมาร่วมชุมนุมและอุปกรณ์สำหรับยังชีพระหว่างชุมนุม

เอกสารชิ้นที่ 5 เป็นการชี้แจงการปฏิบัติตนระหว่างการเดินทาง ผู้ประสานงานพร้อมเบอร์ติดต่อและแผนเผชิญเหตุระหว่างเดินทาง
เอกสารชิ้นที่ 6 เป็นแผนการเชิญเหตุระหว่างการชุมนุม โดยระบุตอนหนึ่งว่า หากเกิด เหตุฉุกเฉิน เช่น ตำรวจใช้ความรุนแรงในการปราบปราม หรืออาจมีกลุ่มคนเสื้อแดงแฝงตัวปะปนมากับผู้ชุมนุม และใช้วัตถุระเบิดปาใส่ผู้ชุมนุม อันดับแรกให้หมอบลงกับพื้นก่อน แล้วให้รีบลุกขึ้นเพื่อกันฝูงชนเหยียบ แล้วหาที่กำบังที่ปลอดภัย

นอกจากนั้นได้ ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า 1.ให้นั่งจับกลุ่มชุมนุมกัน ห้ามแยกตัวออกไปไหนและถ้าจะไปไหนให้มีบัดดี้ไปด้วย 2.ให้ปฏิบัติตามคำสั่งและคำชี้แจงของพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์และหากมีการเคลื่อนมวลชนไปยังที่ต่างๆ ให้อยู่ด้านข้างหรือด้านหลังของมวลชน โดยมีการ์ดดูแลความปลอดภัย 3.หากมีเหตุฉุกเฉินให้ไปหลบอยู่ในจุดที่กำหนด 3 จุด คือ 1.สนามเสือป่า 2.วัดเบญจมบพิตร และ 3.พื้นที่รอบๆ วังสวนจิตรลดา เมื่อเหตุการณ์สงบแล้วให้มารวมตัวกันที่สนามม้านางเลิ้ง

เอกสารชิ้นที่ 7 เป็นเอกสารชี้แจงการติดต่อสื่อสารระหว่างเดินทาง โดยมีชื่อพร้อมเบอร์โทรศัพท์ผู้ประสานงานอย่างชัดเจน
 กลายเป็นเอกสารการเตรียมการทั้งหมด ที่แสดงเจตนารมณ์การชุมนุมครั้งนี้อย่างชัดเจนที่สุด !!!

คลิป Clip นศ. กลุ่ม "ไฟเขียวประเทศไทย" ถูกทำร้ายขณะรณรงค์ค้านการชุมนุม "เสธ.อ้าย"

 

เมื่อ 23 พ.ย. เว็บประชาไท รายงานว่า
นักศึกษาจากกลุ่ม "ไฟเขียวประเทศไทย" ถูกทำร้ายบริเวณสนามม้านางเลิ้ง
ในขณะที่ทำกิจกรรมรณรงค์ "ไฟเขียวประเทศไทย"
ที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มพิทักษ์สยาม
และคัดค้านการ "แช่แข็งประเทศไทย 5 ปี"
โดยโฆษกของกลุ่ม "ไฟเขียวประเทศไทย" ระบุว่า
สมาชิกของกลุ่มถูกชกต่อยจากชายฉกรรจ์ราว 6-7 คน
ในขณะที่ทำกิจกรรมรณรงค์ติดสติ๊กเกอร์บริเวณสนามม้านางเลิ้ง
นายกุลภัทร ทวีกุล นศ. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โฆษกของกลุ่มไฟเขียวประเทศไทย
ซึ่งเป็นการรวมกันของนักศึกษาม.ธรรมศาสตร์
ที่คัดค้านการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม นำโดย
พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ "เสธ.อ้าย" กล่าวว่า
ในวันนี้ กลุ่มของตนมีแผนจะไปติดสติ๊กเกอร์รณรงค์ "ไฟเขียวประเทศไทย"
ที่บริเวณสนามม้านางเลิ้ง และยื่นแถลงการณ์ให้กับพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์
เพื่อคัดค้านการทำรัฐประหาร


อย่างไรก็ตาม ในขณะที่กำลังติดป้ายรณรงค์อยู่นั้น
ได้มีชายไม่ทราบสังกัดที่มา ราว 6-7 คน ได้ตะโกนขัดขวางการติดสติ๊กเกอร์ของกลุ่ม
และเข้ามารุมล้อมทำให้เกิดความชุลมุน
ส่งผลให้มีนักศึกษา 1 คนจากกลุ่มดังกล่าวถูกต่อยหน้าและได้รับบาดเจ็บ
นายกุลภัทรกล่าวว่า กลุ่มคนที่เข้ามาทำร้ายน่าจะเป็นผู้ชุมนุมของกลุ่มพิทักษ์สยาม
เนื่องจากชายดังกล่าวได้วิ่งมาจากภายในของสนามม้านางเลิ้ง


การรณรงค์ของกลุ่ม ′ไฟเขียวประเทศไทย′ ที่บริเวณสยามสแควร์
เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา


ทั้งนี้ การชุมนุมของกลุ่มพิทักษ์สยาม มีกำหนดจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย. 55)
บริเวณลานพระบรมพระรูปทรงม้า เพื่อเรียกร้องให้มีการ "แช่แข็งประเทศไทย"
และขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
โดยอ้างว่ามีสาเหตุจากการปล่อยให้มีการจาบจ้วงสถาบัน และการคอร์รัปชั่น

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

จดหมายเปิดผนึกจากแดงอเมริกาถึงคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ:ขอให้ลาออกทันทีทั้งคณะ ก่อนที่ประเทศชาติจะเสียหายเพราะพวกท่านไปมากกว่านี้

จดหมายเปิดผนึกถึงคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญฯ
เรื่อง  ขอให้ลาออกทันทีทั้งคณะ ก่อนที่ประเทศชาติจะเสียหายเพราะพวกท่านไปมากกว่านี้
ดังเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า
คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญส่วนใหญ่ก่อกำเนิดมาจากคณะรัฐประหาร จึงนับว่ามีที่มาที่ไม่ชอบธรรม แต่กำเหนิดมาเพียงเพราะขบวนการยุติธรรมไทยขลาดกลัว ลนลาน ก้มหัวยอมรับให้คณะรัฐประหารเป็น รัฐาธิปัตย์ มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน  เมื่อก่อเกิดมาแล้วก็มัวเมาอยู่ในอำนาจและผลประโยชน์ที่คณะรัฐประหารปรนเปรอ ให้ ซึ่งอำนาจและผลประโยชน์น่าจะสิ้นสุดไปพร้อมๆกับการสลายตัวของคณะรัฐประหาร หลังจากที่มีการเลือกตั้งแล้ว แต่ก็ยังด้านชาอยู่ในตำแหน่ง ท่ามกลางกระแสการประนามหยามเหยียดจากประชาชน  การคงอยู่ของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่เพียงแต่ทำให้ประเทศเป็นตัวตลก แต่ยังฉุดรั้งการพัฒนาประเทศในทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การลงทุน และการเมืองระหว่างประเทศ นอกเหนือจากเป็นองค์กรคอยสุมไฟแล้ว  ยังช่วยโหมกระหน่ำกระพือไฟแห่งความแตกแยกของคนในชาติให้ ร้าวลึกยิ่งขึ้น เพียงเพื่อการดำรงอยู่ของตนเอง พวกพ้องและเจ้านายที่ถือปลายโซ่ดึงปลอกคอของพวกท่านอยู่ด้านหลังโดยไม่คำนึง ถึงผลเสียที่เกิดกับประเทศชาติและประชาชนว่ามากมายเพียงใด

คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทำตัวเป็นตัวตลกในสายตาประชาคมโลก การตัดสินให้อดีตนายกรัฐมนตรี สมัคร  สุนทร เวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยโดยใช้เพียงพจนานุกรมอ้างอิงในกรณีทำ รายการอาหารออกโทรทัศน์ สร้างความขบขันให้คนทั้งโลกพร้อม ๆกับความขบขันและเสียงหัวเราะเยาะใส่หน้า ผลเสียที่ติดตามมายังใหญ่หลวงนัก นั่นคือความไม่เชื่อมั่นในขบวนการยุติธรรมของไทย ส่งผลต่อการลงทุนและการทำนิติกรรมระหว่างประเทศเพราะต่างชาติไม่มั่นใจว่า เมื่อไรขบวนการยุติธรรมของไทยจะเล่นตลกที่ขำไม่ออก แต่ส่งผลกระทบต่อความเป็นความตายของการลงทุนระหว่างประเทศ แต่ส่วนหนึ่งของคณะตุลาการที่กระชากนายสมัคร  สุนทรเวช ลงจากบัลลังก์นายกรัฐมนตรีด้วยข้อหารับจ้างตามพจนานุกรมนั้น  กลับไม่มองดูตัวเอง ที่ทำตัวเป็นลูกจ้าง มีรายได้จากการรับจ้างที่มากกว่าเสียอีก

คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตีโง่ให้ประเทศชาติเสียหาย การสั่งให้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาในเรื่องของการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกและการใช้ประโยชน์ของที่ดินทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นโมฆะนั้น  นับเป็นการสูญเสียอย่างมหาศาลของประเทศไทยทั้งในปัจจุบันและในอนาคต นั่นคือผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวเขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชาแต่เพียงฝ่าย เดียว อีกทั้งการค้าชายแดนระหว่างสองประเทศที่มีมูลค่ามหาศาลต้องหยุดชะงักไปด้วย ซ้ำยังนำไปสู่ความแตกแยกฆ่าฟันกันเองของคนในชาติ และก่อให้เกิดการสู้รบตามชายแดนระหว่างไทยกับประเทศกัมพูชาเป็นเหตุให้สูญ เสียชีวิตและทรัพย์สินมากมาย คำสั่งให้เป็นโมฆะของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูณในเรื่องนี้ยังส่งผลให้ประเทศ กัมพูชาส่งเรื่องให้ศาลโลกรื้อฟื้นคำตัดสินคดีเขาพระวิหารเมื่อปี 2505 ซึ่งไทยเป็นผู้แพ้คดีขึ้นมาใหม่ และมีแนวโน้มอาจทำให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดนให้ประเทศกัมพูชามากขึ้น เพราะรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในสมัยนายชวน  หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมี มรว.สุขุมพันธ์  บริพัตร เป็น รมช.ต่างประเทศได้ไปลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU 2543) ตอกย้ำคำตัดสินของศาลโลกอีกครั้ง

คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่มีสำนึกของความยุติธรรมอยู่ในกมลสันดาน การตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัฌชิมาประชาธิปไตย เป็นการตัดสินที่มิได้ตั้งอยู่บนสำนึกของความเที่ยงธรรมตามจรรยาบรรณของขบวนการยุติธรรม ในขณะที่ร่วมมือกันเป็นขบวนการให้พรรคประชาธิปัตย์รอดจากการถูกยุบพรรคครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้ง ๆ ที่มีหลักฐานและประจักษ์พยานยืนยันแน่นหนา การตัดสินที่ไร้มาตรฐานและขาดสำนึกของความชอบธรรมของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ส่อถึงจิตวิญญาณที่ละโมภเอนเอียงเพียงเพื่อให้ตนเองและพวกพ้องตลอดจนเจ้าของคอกที่ตนสังกัดได้เสพสุขดูดซับทรัพยากรของชาติ เกาะกุมอำนาจกดขี่ประชาชนต่อไป

            คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ   กระทำการล้ำแดนอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญของฝ่ายนิติบัญญัติ พฤติกรรมล่าสุดของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ทำให้กระแสการเมืองร้อนระอุ ก่อให้เกิดความแตกแยกโหมกระพือ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถูกคุกคาม และอธิปไตยของฝ่ายนิติบัญญัติถูกล่วงละเมิด คือการออกคำสั่งให้รัฐสภายุติการประชุมลงมติในวาระสามของการแก้ไขรัฐธรรมนูณมาตรา 291 จนกว่าคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูณจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น การก้าวล่วงของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เป็นการละเมิดบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ที่ประชาชนไม่อาจยอมรับได้อีกต่อไป เป็นความผิดที่ต้องสะสางและชำระความให้เป็นเยี่ยงอย่าง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างคณะกรรมการตรวจการแผ่นดิน ต้องก้าวออกมาจัดการตรวจสอบและจัดการ เหมือนกับที่ท่านทำในกรณีของรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย
จากพฤติกรรมทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น RED USA ขอเรียกร้องให้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลาออกทั้งคณะโดยทันที หากปล่อยให้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคณะนี้คงอยู่ต่อไป จะนำมาซึ่งความแตกแยก ความเสียหาย ตลอดจนส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสงบสุขโดยส่วนรวมของประเทศ และ ก่อนการลาออก ขอให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งคณะ จัดแถลงข่าวขอโทษต่อประชาชนในพฤติกรรมที่ไร้สำนึกของความเป็นธรรมตลอดมาของตนเองและคณะ ที่ก่อความเสียหายให้ประเทศชาติและประชาชน หรือจะออกเป็นจดหมายแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน ก็ขึ้นอยู่กับสำนึก จริยธรรม และมโนธรรมของพวกท่าน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการให้ลุล่วงตามคำร้อง
5 มิถุนายน 2555

วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สก.ปชป. นำทีมติดป้ายใส่ร้ายพรรคเพื่อไทย ทั่วกรุงฯ

ได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบติดป้ายใส่ร้ายพรรคการเมืองเพื่อไทย
โดยมีการลักลอบติดป้ายดังกล่าวบนถนน สาธุประดิษฐ์ และถนนจันทร์ 
และขณะได้รับรายงานนั้น ตำรวจได้ดักจับรถดังกล่าว และพาไปยังโรงพักยานนาวา

 เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.
โดยทีมงานติดป้ายดังกล่าว มีจำนวนทั้งสิ้น 4 คน ได้ขับรถกะบะ หมายเลขทะเบียน ถช 906
ได้ทยอยติดป้ายริมถนนสาธุประดิษฐ์ มาเป็นระยะ
ทีมงานได้ติดตามรถดังกล่าวอยู่ประมาณ 30 นาที
และทางตำรวจได้ติดต่อวิทยุสื่อสารดักและจับคนขับพร้อมทีมงานติดป้าย
ในข้อหาติดป้ายบนถนนสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต 
เมื่อทีมงานติดป้ายโดนจับได้โทรติดต่อไปยังผู้ว่าจ้างคือ
นายธวัชชัย ปิยนนทยา ซึ่งเป็น สก.เขตสาทร หลายสมัยติดต่อกัน

 เมื่อทีมงานติดป้ายได้มาถึงโรงพักสักครู่
นายธวัชชัย ปิยนนทยา ได้เดินทางมาถึง สน.ยานนาวา
พร้อมแสดงตนว่าเป็นผู้ให้ติดป้ายทั้งหมดดังกล่าว
โดยทางตำรวจ ได้ช่วยไกล่เกลี่ยและขอร้องให้เก็บป้ายทั้งหมดบนรถกลับไป
และไม่ได้แจ้งข้อหาใดๆ

 นายธวัชชัย ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆว่า
ตนเป็นคนมาติดเท่านั้น เมื่อประชาชนเขตสาทรไม่ต้องการให้ติด
ก็ยินดีขนป้ายกลับไปทั้งหมด 
แต่สำหรับเขตอื่นนั้น นายธวัชชัยบอกว่าไม่สามารถห้ามได้
และยืนยันว่า ป้ายดังกล่าวเป็นป้ายของพรรคประชาธิปัตย์จริง
































วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Update ภาพตำรวจระดมกำลังเต็มอัตรารับมือม็อบพันธมิตรฯ รักษาพื้นที่รัฐสภา

รายงานจากบริเวณหน้ารัฐสภาว่า ในช่วงบ่าย 15.00 น.
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังกว่า 2,000 นาย เข้ารักษาพื้นที่รัฐสภา
หลังจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขีดเส้นตาย
จะเข้าไปชุมนุมโดยสงบในรั้วรัฐสภา 
ทำให้บรรยากาศภายในและนอกสภาเป็นไปอย่างเคร่งเครียด
และได้มีข้าราชการบางส่วนได้ทยอยเก็บของ เพราะเชื่อว่าพันธมิตรฯจะบุกเข้าประชิดรัฐสภา











 

รวมพฤติกรรม ... ของสมาชิกในพรรคประชาธิปัตย์ในสภา ปี 2555

























สงสัยที่บ้านคงไม่มีเก้าอี้ใช้งาน?


แต่จำเป็นอะไร จึงต้องทำแบบนี้


ตำรวจ ๆๆ 


เพิ่ม..



จากคุณ   : ผึ้งน้อยพเนจร



คนเดียวหลายกรรมหลายวาระ


อีกคน


อันนี้ไม่รู้จริงๆว่าใคร
nobody ในสายตา
 

©2010 กลุ่มแดงหลังตู้เย็น

ดาวน์โหลด pdf creator : Discount Cordless Screwdriver : Online Condom Store : Strathwood Chair Shop