ผู้สนับสนุน

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

"อัลเคดาห์ กับทักษิณ" เป็น Clip ปลอม สื่อเหลืองกุข่าว ที่แท้ "โจรแขกปลอม" ใช้ BB ถ่ายคลิปตามหาทักษิณ

 
 

"เว็บไซท์กระบอกเสียงฝ่ายต่อต้่านรัฐบาล" ออกอาการปั่นหัวคนไทยหนักข้อขึ้นทุกวัน ล่าสุด ลงคลิปปลอมเป็นโจรแขก อ้างว่าจะตามหา พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะที่ชาวเน็ตรู้ทันพร้อมตั้งข้อสังเกต หากเป็นเครือข่ายระดับโลกจริง สำนักข่าวต่างประเทศนำเสนอก่อน ASTV หรือ TNews ไปแล้ว ไม่มารอให้สื่อ "กระจอกข่าว" พวกนี้เปิดประเด็น ซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศกลับไม่เผยแพร่ข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด และพฤติกรรมการออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ จะไม่สมัคร ID Youtube ใหม่ทุกครั้งไปเรื่อยๆเช่นนี้ ซึ่งเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า คลิปดังกล่าว ไม่ได้ถูกผลิตขึ้นจากเครือข่ายระดับโลก

เป็นที่น่าสังเกตว่า คลิปดังกล่าวน่าจะถูกผลิตขึ้นเองจากฝ่ายต่อต้านรัฐบาลระบอบประชาธิปไตยในไทย โดย ถูกอัพโหลดขึ้นสู่ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต วันที่ 27 กรกฎาคม 2556 เวลา 02.36น. ตามเวลาในประเทศไทย โดยไม่ได้ถูกโพสต์ในวันที่ 26 กรกฏาคม 2556 อย่างที่ TNews และ ASTV บิดเบือนเพื่ออ้างว่าตรงกับวันคล้ายวันเกิด พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ทั้ง นี้คลิปดังกล่าวมีกลุ่มบุคคลในการจัดทำคลิปไม่น้อยกว่า 4 คน เบื้องต้นมีผู้ต้องสงสัยรวมทั้งสิ้นจำนวน 18 คน รวมทั้งคลิปดังกล่าวถูกถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือยี่ห้อแบล็คเบอร์รี่ (BlackBerry) โดยคลิปดังกล่าวถูกปล่อยเพื่อหวังผลทางการเมืองต่อเนื่องเป็นคลิปที่ 2 เพื่อโจมตี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในระยะเวลา 60 วัน

อัลเคดาห์ จริงๆ คือกลุ่มที่ถืออุดมการณ์ Muslim Fundamentalism พวกเขาขัดแย้งกับการพัฒนาการ ที่พยายาม "ทำให้เป็นตะวันตก" มีการเผยแพร่อารยธรรมตะวันตก วิถีชีวิตตะวันตก เข้าไปในโลกมุสลิม เช่น เรื่อง ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม วิถีการดำเนินชีวิต ความเชื่อเรื่อง เสรีภาพต่างๆ สิ่งเหล่านี้เป็นแนวคิดตะวันตก

แต่ ศาสนาอิสลาม ไม่ใช่แค่ศาสนา แต่มันรวมวิถีชีวิตทั้งทางด้านการเมือง ศาสนา กฎหมาย เข้าไว้ด้วยกัน จึงขัดแย้งกับวิถีตะวันตกอย่างเต็มที่

แต่ปัญหาที่ ภาคใต้ของไทยนั้น เป็นเรื่อง ชาติพันธุ์ การแบ่งแยกพรมแดน ไม่เกี่ยวอะไรกับการขัดแย้งทางศาสนา และความขัดแย้งแบบนี้ในประชาชนมุสลิม กับ รบ.ประเทศต่างๆ มีมากมาย เช่น ในรัสเซีย ในจีน เป็นต้น เรื่องพวกนี้ อัลเคดาห์ไม่เกี่ยว ไม่ใช่ประเด็นขัดแย้งอะไรกับอุดมการณ์ของเขา อย่างมากก็เห็นใจเท่านั้น แต่จะลงมือทำสงครามเอง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ "อุดมการณ์หลัก" หรือ สงครามระหว่าง "อัลเคดะห์กับโลกตะวันตก" แต่อย่างใด

คลิปอัลเคดะห์ ลงขัน จึงเป็นคลิปปลอม ของคนที่ไม่เข้าใจ Clash of Civilization  แล้วหยิบมาใช้ มั่วไปหมด

อีกอย่างสำนวนในคลิป ก็มีความเป็นสลิ่มในตัว เช่น ใช้น้องสาวเป็นหุ่นเชิด

นี่ ไม่ใช่สำนวนอัลเคดะห์ ครับ ไม่เกี่ยวอะไรกับ Muslim Fundamentalism และประเทศไทย ก็ไม่ใช่คริสเตียน ไม่มีความขัดแย้งระหว่าง พุทธ กับ มุสลิม ในทางอุดมการณ์

สรุปคือ พวกอำมาตย์ สลิ่ม นี่ใช้ทุกอย่าง เพื่อทำลายล้าง "รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนส่วนใหญ่ให้ได้" เป็นการกระทำที่น่าละอาย

ระวังนะครับ อัลเคดะห์ เขาอาจ จัดการพวกที่ปลอมแแปลงชื่อเสียงเขานะครับ ระวังให้ดี


รวมความคิดเห็นที่น่าสนใจ





 
Update ล่าสุด หน้าแหก! คลิปอ้างเป็นโจรแขกสุดอาย ชาวเน็ตจับพิรุธได้ ปิดคลิปยูทูปหนีแล้ว


หลังจาก ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตจับพิรุธได้ ว่าเป็นคลิปที่จากโทรศัพท์มือถือ BB แอบอ้างเป็นเครือข่ายใหญ่ระดับโลกตามหา พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุด เมื่อเวลา 22.00น. ที่ผ่านมา ผู้ โพสต์คลิปดังกล่าวในชื่อ mansoor ahmed volvo เกิดความอาย เนื่องจากถูกจับได้ว่าเป็นการทำคลิปปลอมขึ้นมาเผยแพร่ จึงได้ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวระงับไม่ให้ผู้ชมเข้าชมและวิพากษ์วิจารณ์คลิ ปดังกล่าวได้อีก

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เปิดใจ ทักษิณ 64 ปี พร้อม clip



สวัสดีครับพี่น้องที่เคารพรัก

ปี นี้ ผม 64 ปี แล้วนะครับ วันเวลาผ่านไปเร็วมาก  ผมจำได้ว่า ตอนที่มีปฏิวัตินั้น ผมเพิ่งผ่านอายุครบ 57  ใหม่ พออายุ 58  ก็อยู่เมืองนอก  อายุ 59 ก็ได้มีโอกาสกลับไปเมืองไทยสั้น ๆ วันนั้น ผมมีลางสังหรณ์ใจ ในวันที่มีพี่น้องมาอวยพรวันเกิด ผมเมื่อ อายุ  59  ที่ตึกชินฯ 3 ถ้าจำไม่ ผิด
    
ก็ มีความสังหรณ์ใจว่า เอ๊ !!  อายุ 60 ปี สงสัยเราต้องไปทำบุญอยู่เมืองนอกแล้ว และคงไม่ได้อยู่ในเมืองไทยแน่  เพราะดูท่าทางตอนนั้นเขาเอาผมแน่  ผลสุดท้ายมันก็เป็นไปตามนั้น   60 ปี ก็ไปอยู่เมืองนอก พออายุ 61 ปีก็ไปอยู่เมืองนอก พ อ 62 , 63   , 64 ก็ยังไม่ได้กลับ

แต่ ที่สำคัญที่สุด คือพี่น้องไม่ลืมผม เข้าใจว่าวันนี้  ครบ 64 ปี พี่น้องก็ไปทำบุญหวังที่จะให้ผมได้กลับมารับใช้พี่น้องกันก็เป็นจำนวนมาก  หลายวัด  ผมก็ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับที่ไม่ลืม  และเอาบุญมาฝากผม เพื่อที่ให้ผมได้มีโอกาสได้กลับบ้าน ไปอยู่กลับครอบครัว

7 ปี แห่งความระหกระเหิน  ก็มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ข้อดีก็คือได้เรียนรู้เยอะ ได้เห็นเยอะ เห็นแล้วก็อดคิดถึงเมืองไทยไม่ได้ แต่ว่าสิ่งที่รับรู้มาเยอะมาก ก็เดี๋ยวจะค่อยๆเขียนเพิ่มไป ก็ตั้งใจว่า เดี๋ยวกลับไปดูไบ ก็เลยคิดว่าจะมีเวลาเขียนเฟซบุ๊ก เล่าให้ท่านฟังว่าไปเห็นอะไรมาบ้าง เพื่อให้พี่น้องทั้งที่ชอบผมและไม่ชอบผม แต่ว่าชอบความรู้เข้ามาได้

สิ่ง ที่แย่ ของการมาอยู่เมืองนอก ก็คือว่า การคิดถึงครอบครัว เราเคยอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา วันนี้ เวลาวันเกิดทีลูกก็แวะมา เขาพยายามไม่มาพร้อมกัน เพราะกลัวกลับไปแล้วพ่อจะแย่ ก็ผลัดกันมา รู้สึกว่าจะได้ไม่ห่างกัน  เพราะทุกคนก็มีภาระกิจ ทุกคนมีงานการ  ทุกคนก็ต้องอยู่กับแม่ อยู่เป็นเพื่อนแม่ด้วย ก็ผลัดกันไปผลัดกันมา

ก็ เหงา คิดถึงบ้าน บางครั้งก็พยายาม จะไม่เหงา  บางครั้งก็มีภารกิจที่ต้องทำเยอะ พี่น้องมาเยี่ยมบ้าง ซื้ออาหารมาฝากบ้าง จนคนเขาลือว่าที่ดูไบ เป็นร้านอาหารไทยที่อร่อยที่สุดในโลก ที่บ้านผม เพราะพี่น้องเอาอาหารจากจังหวัดมาฝาก ก็ขอบคุณในน้ำใจและทำให้ผมหายเหงาได้บ้าง 

แต่ แน่นอน ครับ กินอย่างเดียวมันก็ไม่พอ แต่สำคัญยังไม่ได้นอนบนแผ่นดินไทย มานานแล้ว  ก็คิดถึง คิดถึงแผ่นดินไทย แต่ต้องอดคนครับ ๆ เพราะว่า เราถือว่า เราต้องทำหน้าที่อะไรบางอย่างอยู่ ก็ต้องทำไป

พี่ น้อง ครับ ผมห่วงใยประเทศไทย  วันนี้ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ มันน่าจะแก้ได้และแก้ไม่ได้  ก็เพราะความที่ระแวงกันและกัน ความไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน  ความที่เราขัดแย้ง  ถ้าเราหันหน้ามาคุยกัน เราสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา เราคุยกันแบบคนไทยด้วยกันพูดภาษาไทยด้วยกัน  พูดกันให้ถึงแก่นเลย ว่าเราอยากจะแก้ปัญหาร่วมกันอย่างไร เราเอาชาติเป็นตัวตั้ง ผมมั่นใจ บ้านเมืองเราจะกลับมาสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง

คือ วันนี้เราต้องกลับไปคิดครับว่า ถ้าเราเอาชาติเป็นตัวตั้ง  เราคิดว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองที่สุด เราหันหน้าเข้าหากัน ตรงนั้่นต่างหากที่เป็นสิ่งที่เราอยากเห็น ผมไม่คิดว่า ทุกเรื่องเป็นเรื่องใหญ่เลย แต่มันเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเราไม่พูดกัน เป็นเรื่องใหญ่เพราะว่าไม่ได้คุยกัน

ผม อยากหวังว่า วันเกิดผมปีนี้  ผมจะกลับบ้านปีไหนไม่เป็นไร แต่ความปรองดองกลับขึ้้นสู่ประเทศไทยเมื่อไหร่ มันจะเป็นความสุขที่ผมถือว่าสุดยอด เพราะว่าคิดเอาเรื่องชาติบ้านเมืองก่อน เรื่องตัวเองไม่ใช่เรื่องสำคัญ

ผม ก็เป็นคนซึ่งถือว่า บ้านเมืองมาเป็นหลัก พี่น้องประชาชนเป็นหลัก เพราะฉะนั้น ผมพร้อมเสียสละ ถ้าความขัดแย้งแบบนี้ทำอะไรก็ไม่ได้หรอกครับ แก้ปัญหาอะไรก็ไม่ได้ มีแต่ความระแวงซึ่งกันและกัน และในที่สุดผลสุดท้ายก็ส่งผลต่อเศรษฐกิจรวมของประเทศ ส่งผลต่อความเชื่อมั่น ความเคารพยำเกรงของประเทศเพื่อนบ้านก็จะเสียหายไป เพราะเราไม่รักกัน

วันนี้ อยากจะบอกกับพี่น้องว่า ขอให้เราหันหน้าเข้าหากัน เพื่อความสุขของพวกเราทุกคน ครับ  ขอบคุณอีกครั้งในการรำลึกถึงวันเกิดผมและไม่ลืมผม ทั้งที่ผมก็จากมาหลายปีแล้ว ขอให้พวกท่านมีความสุข  มีความเจริญ คิดสิ่งใดสมความปรารถนา และให้อยู่ในประเทศไทย ซึ่งมีบ้านเมืองกลับมาสู่สันติสุขอีกครั้ง

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

จับพิรุธข้าวเน่า "ศิริโชค" คล้ายจัดฉากจงใจใส่ร้ายทางการเมือง

จับพิรุธข้าวเน่า "ศิริโชค" คล้ายจัดฉากจงใจใส่ร้ายทางการเมือง

ตั้งใจจะเขียนเรื่อง "ข้าวเน่า" ที่คุณศิริโชค โสภา ได้นำมาเผยแพร่ไว้ในเฟสบุ้คส่วนตัว

ขอวิเคราะห์แบบคนมีความรู้ด้านธุรกิจหน่อย  คุณศิริโชคไม่เคยทำธุรกิจ เรียนจบกลับมาก็มาเป็นเลขาฯ ให้คุณชวน หลีกภัย คงไม่ทราบจริงๆ ว่าข้าวถุงที่มาทิ้งนั้นล้วนมีพิรุธ โดยมีข้อสังเกตดังนี้

ที่อ้างว่าเป็นข้าวเน่า จึงนำมาทิ้ง เหตุผลนี้มัน "ลอยๆ ไร้น้ำหนัก" เพราะปกติการค้าขายสินค้านั้น สินค้าจะอยู่ในมือของฝ่ายต่างๆ ไม่เกิน 3 ฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ผลิต-กระจายสินค้า  ฝ่ายร้านค้า  และ ลูกค้า

1. กรณีฝ่ายผู้ผลิต-กระจายสินค้า

กรณีสินค้าเน่าเสีย โดยปกติ  หากมีสินค้าหมดอายุเน่าเสีย หีบห่อฉีกขาดเสียหาย ทั้งผู้ผลิตและผู้กระจายสินค้า  จะมีระบบในการตรวจนับอายุวันหมดอายุ หากสินค้าใดใกล้หมดอายุไม่เกิน 3-6 เดือน ผู้ผลิตจะไม่ขายสินค้า แต่ก็จะไม่ทิ้งสินค้านั้น จะมีโกดังพิเศษ ไว้เก็บแยกของเน่าเสียโดยเฉพาะ

เหตุผลที่ผู้ผลิตจะเก็บสินค้านั้นไว้เพราะ  ผู้ผลิตสามารถนำหีบห่อสินค้าที่ค้างสต็อคทั้งหมด ไปหักลบกับสินค้าคงเหลือ เคลมภาษีต่างๆคืน จากกรมสรรพพากร ซึ่งบริษัท โรงงานขนาดใหญ่รู้ดี และต้องเชิญกรมสรรพากร ไปตรวจสอบโกดังโรงงานทุกสิ้นปี และนัดหมายวันตรวจนับ "สินค้าเน่า" ให้สรรพากรได้ดู ตรวจนับ เพื่อเป็นหลักฐานขอคืนภาษีในส่วนสินค้าที่จ่ายไปก่อนแล้วไม่ได้ขาย

ดังนั้น ในฝ่ายผู้ผลิต จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ผู้ผลิตจะนำสินค้าเน่าเสียของตนมาแอบทิ้ง เพราะเท่ากับ "ทิ้งเงินสดๆ" ของตัวเอง

2. กรณีผู้ขายร้านค้า

กรณีสินค้าเน่าเสีย ในขณะที่อยู่ร้านค้า โดยปกติ บริษัททุกแห่งจะมีระบบการแลกคืน เปลี่ยนคืนสินค้าเน่าเสีย โดยร้านค้าจะต้องเก็บสินค้านั้นไว้ พอเซลล์มาทุกรอบเดือน ก็จะส่งมอบสินค้าเน่าเสียกลับไปเพื่อแลกสินค้าใหม่กลับมาวางขาย เป็นปกติ  โดยเฉลี่ยการรับสินค้าเสียคืนทางธุรกิจ มักอยู่ประมาณไม่เกิน 1-2% ของปริมาณสินค้าทั้งหมดที่ขายต่อปี  อีกทั้งปัจจุบัน มีระบบการตรวจสอบสินค้าเน่าเสีย หมดอายุของ อย.เข้มงวด สินค้าทุกหีบห่อ จะถูกตรวจสอบวันหมดอายุก่อนออกจากโรงงาน และตอนร้านค้ารับสินค้าเข้าร้านตัวเอง  ก็มีระบบนับวันหมดอายุและสุ่มตรวจ (เช่นห้างใหญ่ทุกแห่ง จะไม่รับสินค้าที่มีอายุเหลือไม่ถึง 6 เดือน เป็นต้น)  อีกทั้ง เมื่อสินค้าวางขายแล้ว หากไกล้หมดอายุ จะมีระบบเตือนด้วยคอมพิวเตอร์ สั่งให้เก็บสินค้าคงเหลือนั้นขึ้น เพื่อส่งคืนหรือแลกเปลี่ยนกับผู้ผลิตโดยอัตโนมัติ

ดังนั้น ในฝ่ายร้านค้า โอกาสที่จะมีข้าวเน่า จากทางร้านค้าออกมาแทบจะเป็นศูนย์

3. กรณีผู้บริโภค

ปกติทุกคน หากซื้อสินค้า-อาหาร อะไรก็ตามแล้วมีความผิดปกติ (ไม่จำเป็นต้องเน่าเละตามภาพ) ทุกคนจะเอาสินค้านั้น "กลับไปคืน หรือแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าชิ้นใหม่" พร้อม "ก่นด่าห้าง-ร้านค้าที่ตัวเองไปซื้อ"  เป็นธรรมชาติของผู้ซื้อ  และห้าง-ร้านค้าทุกแห่ง (โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า) จะมีระบบ รีฟัน Refund คือแผนกรับแลก-คืนสินค้า  แม้สินค้าจะแทบไม่เป็นอะไรเลย แต่ห้างไม่ต้องการให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ก็จะรับ Refund สินค้าคืนหมดเพราะสามารถนำไปคืนเจ้าของสินค้าได้อยู่แล้วเป็นปกติ

ดังนั้น ฝ่ายลูกค้า หากซื้อสินค้าไปแล้วมีปัญหา ย่อมแลกคืน หรือเปลี่ยนใหม่ได้

4. การทำลายสินค้า
ปกติทางการค้า เจ้าของสินค้าทุกยี่ห้อ จะรวบรวมสินค้าเน่าเสีย ฉีกขาด ทั้งหมดไว้เพื่อทำภาษีคืน และจะมีการทำลายสินค้าดังกล่าว (หากเป็นบริษัทใหญ่) จะมี จนท. กรมสรรพากร มาเป็นสักขีพยานในการทำลาย เช่น ที่โรงงานแถบอยุธยา จะมีโรงงานทำลายสินค้า มีเตาเผาขนาดยักษ์ ขนสินค้าที่ผ่านการตรวจนับว่าเน่าเสียแล้ว ไปเข้าเตาเผาโดยมีเอกสารจากกรมสรรพากร มี จนท.มาตรวจนับว่าถูกต้องและทำการทำลายต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ลงลายมือชื่อ ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานทั้งหมด

วิเคราะห์ภาพข้าวเน่า

จากภาพ  การทิ้งถุงข้าวเน่าในป่า ในปริมาณ 30-40 ถุง

ตั้งสมมุติฐานว่า  หากจำนวนข้าวมากถึง 40 ถุง  ถามว่า ใครจะนำมาทิ้ง

ผู้ผลิต มีระบบเคลมภาษี เขาก็ไม่ทิ้ง ต้องเก็บไว้ทำภาษีคืน
ผู้ขาย มีระบบวันหมดอายุ เขาก็ไม่ทิ้ง ส่งคืนให้เจ้าของสินค้าแลกของใหม่
ผู้บริโภค  ปกติซื้อข้าวกินครั้งละ 1 ถุง  คงไม่บ้าซื้อ 40 ถุงแล้วเน่า แต่ไปโยนทิ้งพงหญ้า
การทำลายสินค้า  มีกรมสรรพากรมาดู และตรวจสอบทุกขั้นตอน


คนทิ้งข้าว 40 ถุง คงไม่ใช่ทั้ง ผุ้ผลิต ผู้ขาย และ ผู้บริโภค  เพราะทั้งสามฝ่ายต่างมีส่วนได้เสียกับปริมาณข้าวมูลค่า 4-5000 บาท คงไม่มีใครทิ้งไปเฉยๆ

ข้อสังเกต สถานที่พบข้าวเน่า ในแต่ละแห่ง มักเป็น "ภาคใต้" ทั้งสิ้น และมักเกิดขึ้นในที่มิดชิดเช่น "ในถุงยังชีพ"  "ในป่าข้างทาง"   โดยปกตินั้น สินค้าหากเน่าจริง ต้องพบได้ทุกแห่งทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเจอในห้างท็อปส์ เซ็นทรัล   หรือเจอในถุงข้าวห้างโลตัสเอ็กเพรส กลางสยามสแควร์  ข้าวเน่าคงไม่ "เน่าเฉพาะแห่ง"

แต่ในข่าวนั้น มักพบใน "ถุงข้าว" ที่ปิดมิดชิด ผ่านการ "เก็บส่วนตัว" ระยะหนึ่ง หรือมักพบในจุดที่ดูลึกลับ เช่น ผ่านการเก็บไว้ที่ อบต. ก่อนนำแจกจ่าย   และอย่างลืมว่า สามารถสร้างสถานการณ์ข้้าวเน่าได้ เช่น ฉีดน้ำเน่าผ่านเข็มฉีดยา เข้าไปที่ถุงข้าวแล้วทิ้งไว้ไม่เกิน 5 วัน ข้าวเน่าได้  ปกติ แช่ข้าวในน้ำสะอาด ข้ามวันก็เหม็นได้แล้ว

หากตรวจสอบระยะเวลาจากข่าว ว่ารับข้าวไปเก็บไว้ใน อบต. วันที่ 5 และแจกจ่ายวันที่ 9 ก็ผ่านไป 4 วัน ก็พอดีกับระยะเวลา "ข้าวเน่า" ได้สบายๆ

ล่าสุด เจอบางภาพมีพิรุธกว่านั้น  ถ่ายจากถุงข้าวมียี่ห้อ สภาพเหมือนวางในห้าง "แต่บรรยากาศรอบภาพ มืดสนิท"  ปกติคนเดินห้างเวลาเปิดบริการ จะเปิดไฟสว่างไสว  หากจะหยิบมือถือถ่ายภาพ ก็จะสว่างชัดเจนไปทั้งภาพ  แต่ข้าวเน่าในถุงที่จงใจถ่าย ความสว่างของสถานที่รอบๆ ภาพนั้น กลับมืดเหมือนแอบถ่ายตอนห้างปิดบริการ ดับไฟ!

ขอร้องว่า อย่าต้องการเอาชนะทางการเมือง โดยการทำลายข้าวไทยเลย!

แตกกันเพราะเงิน! สมศักดิ์ โกศัยสุข เปิดแผล สุริยะใส กตะศิลา

สมศักดิ์ โกศัยสุข เปิดแผล สุริยะใส กตะศิลา มีปัญหาเรื่องการเงินกัน



จากกรณีที่ “พรรคการเมืองใหม่” (ก.ม.ม.) เปลี่ยนชื่อเป็น
“พรรคสังคมประชาธิปไตยไทย” (ส.ป.ท.) และยกเลิกนโยบาย
ของพรรคก.ม.ม. พ.ศ. 2552 มาใช้นโยบายของพรรคส.ป.ท.
พ.ศ. 2556 แทนทั้งหมด โดยมีนายสมศักดิ์ โกศัยสุข
อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
(พธม.) นั่งเป็นหัวหน้าพรรคเหมือนเดิม

นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ สำนักข่าวอิศราว่า
เหตุผลที่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อพรรคเพราะชื่อ ก.ม.ม มันไม่เป็นรูปธรรม
ไม่สามารถจับต้องได้ เวลาเดินไปไหนคนก็ถามว่ามาจากพรรคไหน
เราก็บอกว่าพรรค ก.ม.ม.คนก็ไม่เข้าใจว่าคำว่า
“การเมืองใหม่” คืออะไร และที่ผ่านมา ก.ม.ม.
โดนโจมตีเรื่องความแตกแยกเยอะ เราจึงตัดสินใจเปลี่ยนมาเป็น
พรรค ส.ป.ท. ซึ่งบ่งบอกความเป็นประชาธิปไตยได้เป็นอย่างดี



“เจตนารมณ์ของผมคือต้องการทำพรรคการเมืองที่ให้ความรู้กับประชาชน
ไม่ต้องการทำพรรคการเมืองที่ยึดถือมวลชนของตัวเองเป็นหลัก
ใครยังยึดถือมวลชนก็ยึดถือไป ก็ไปทำกันเองแล้วกัน ผมก็เดินของผม
ตอนนั้นทะเลาะกันหนัก ถ้าใครจะอยู่ก็อยู่ ถ้าใครไม่สบายใจก็ไป
ส่วนคณะกรรมการบริหารพรรคก็ยังมีคนเก่าอยู่บ้าง
แต่คนเก่าที่แตกแยกไปเขาก็ไป” นายสมศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า หลังจากนี้พรรคส.ป.ท.จะขึ้นตรงกับพธม.
เหมือนที่ก.ม.ม.ที่ต้องขึ้นตรงกับพธม.ใช่หรือไม่
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มี เราจะไม่ขึ้นตรงกับใครทั้งนั้น
ใครจะเป็นนักเลงก็เป็นไป เราทำการเมืองของเราไป
เพราะเราไม่ใช่นักเลง ความคิดที่ขัดแย้งเราไม่ยอมรับ

เมื่อถามว่า อย่างนายสนธิ ลิ้มทองสกุล แกนนำพธม.
นายสุรยะใส กตะศิลา อดีตผู้ประสานงานกลุ่มพธม.
ยังมีส่วนร่วมกับส.ป.ท.หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า
พวกเขาออกไปแล้ว มันจบไปแล้ว
อย่างสุริยะใสก็มีปัญหาเรื่องเงินกัน
คุยกันไม่เข้าใจ เรื่องไหนที่มันไม่สะอาดเราไม่เอา ก็จบกันไป 
 

©2010 กลุ่มแดงหลังตู้เย็น

ดาวน์โหลด pdf creator : Discount Cordless Screwdriver : Online Condom Store : Strathwood Chair Shop