ผู้สนับสนุน

วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกทม.จัดพิธีไล่น้ำเป็นการส่วนตัว

พิธีส่วนตัว-มรว.สุขุม พันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกทม.จัดพิธีไล่น้ำเป็นการส่วนตัวในวันที่ 8 ตุลาคม หลังจากมีหนังสือเวียนออกมาก่อนหน้านั้นวันหนึ่งแล้วโดนวิจารณ์หนัก จนต้องแจ้งยกเลิกพิธี แต่ยืนยันจะจัดพิธีเป็นกา่รส่วนตัว

ที่มา หนังสือเวียน กรุงเทพมหานคร

หลังจากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อึงคนึงทำให้ผู้ว่ากทม.แจ้งขอยกเลิกพิธี โดยโฆษกกทม.แจงเหตุกทม.ยกเลิกพิธีไล่น้ำ เพราะผู้ว่าฯกทม.ต้องการทำเป็นการส่วนตัว พร้อมปัดแสดงความเห็นเสียงวิจารณ์หลังมีข่าวออก

เจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกทม. เปิดเผยกับ"สำนักข่าวเนชั่น" ถึงกรณีที่กรุงเทพมหานครได้แจ้งไปยังสื่อมวลชนทุกแขนง ถึงการยกเลิกทำพิธีไล่น้ำที่ศาลหลักเมืองในวันพรุ่งนี้ ว่า พิธีดังกล่าวม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ขอทำพิธีเป็นในนามส่วนตัว โดยใช้งบประมาณของตนเองในการดำเนินการทั้งหมด อีกทั้งไม่ต้องการมีการเชิญสื่อมวลชน หรือเจ้าหน้าที่ของกทม.เข้าร่วมในการทำพิธีดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทวิตเตอร์ว่าการทำพิธีดังกล่าวนี้ กทม.แก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่ไม่ตรงจุด นายเจตน์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าเป็นสิทธิ์ของทุกคน แต่ไม่ขอออกความเห็นใดๆ

ก่อนหน้านี้เว็บไซต์ASTVผู้จัดการ รายงานเพิ่มเติมว่า แนวคิดดังกล่าวเกิดจากที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.เห็นว่าบ้านเมืองกำลังประสบอุทกภัย ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นในฐานะที่เป็นพ่อเมืองจึงได้ดำริที่จะทำพิธีบวงสรวงสักการะสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อบรรเทาปัญหาจากหนักให้กลายเป็นเบา และเป็นการขอพรให้น้ำลงลด

นางเพียงใจ วิศรุตรัตน รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า การที่กทม.กำหนดการจัดพิธีไล่น้ำขึ้นนั้น ถือเป็นพิธีที่กรุงเทพมหานครจัดขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น เรียกขวัญและกำลังใจให้กับประชาชนชาวกรุงเทพฯ เพื่อให้คลายความกังวลจากสถานการณ์น้ำซึ่งมีแนวโน้มว่าจะท่วมพื้นที่ กรุงเทพฯ โดยพิธีจัดขึ้นเป็นการภายใน ประกอบด้วย พิธีบวงสรวง(พิธีพารหมณ์) ในเวลา 14.39 น. และพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ในเวลา 15.09 น. โดยได้อัญเชิญพระพุทธรูปปางข้ามสมุทร ความสูง 9 นิ้ว มาร่วมในการประกอบพิธีด้วย

ทั้งนี้ จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า พิธีไล่น้ำหรือเรียกอีกอย่างว่าพิธีไล่เรือเป็นพิธีที่มีมาตั่งแต่สมัยกรุง ศรีอยุธยา ประกอบขึ้นเพื่อต้องการให้น้ำลดเร็ว ๆ เพราะในเดือนต่อไปถือว่าเป็นการเข้าฤดูเพราะปลูก พระราชพิธีไล่เรือมิได้ประกอบขึ้นทุกปี เพราะถ้าปีไหนน้ำไม่มากก็ไม่ต้องประกอบพิธี มีกฎมณเฑียรบาลครั้งกรุงศรีอยุธยาว่าในการประกอบพิธีนั้น พระเจ้าแผ่นดิน พระอัครมเหสี พระเจ้าลูกยาเธอ หลานเธอและพระสนม แต่งอย่างเต็มยศโบราณลงเรือพระที่นั่ง มีพระยามหาเสนาตีฆ้อง เสด็จไปตามลำน้ำ โดยสมมติพระเจ้าแผ่นดินเป็นเทพยาดา โดยขอให้น้ำถอยลงไป แล้วทำการเชิญพระพุทธปฏิมากรลงเรือพระที่นั่ง แล้วมีเรือสำหรับพระสงฆ์ตามหลัง เรือลำหนึ่งมีพระราชาคณะ ๑ รูป มีฐานที่นั่ง ๒ ข้าง ตรงกลางตั้งเครื่องนมัสการทำการสวดคาถาหล่อพระชัยเป็นคาถาไล่น้ำ (บางครั้งจึงเรียกพิธีไล่เรือว่าเป็นพิธีไล่น้ำด้วย)

ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ได้กระทำพิธีนี้เพียง 2 ครั้ง คือรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 3 การทำพิธีนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จไปประชุมกันที่วัดท้ายเมือง แขวงเมืองนนทบุรี มีอาลักษณ์อ่านคำประกาศตั้งสัตยาธิฐาน นมัสการพระรัตนตรัย เทพยาดารวมทั้งพระเจ้าแผ่นดิน (สมมติเทพ) แล้วอ้างความสัตย์ ซึ่งได้นับถือต่อเทพยาดาทั้งสามคือ วิสุทธิเทพยดา อุปปาติกเทพยดา และสมมติเทพยดา ขอให้น้ำลดลงไปตามประสงค์ พระพุทธรูปที่ใช้ในพระราชพิธีเดิมมีแต่ชื่อพระชัย พระคันธาราษฎร์ ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นพระห้ามสมุทร การทำพิธีคล้ายเสด็จพระราชดำเนินพระกฐิน พิธีนี้ล้มเลิกไปครั้งรัชกาลที่ 5 เป็นการถาวร จะประกอบแต่พระราชพิธีตรียัมปวาย - ตรีปวายเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะชัยภูมิของกรุงรัตนโกสินทร์นั่นอยู่สูงกว่าระดับน้ำพอ สมควรจึงไม่ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมอย่างครั้งกรุงศรีอยุธยา

 

©2010 กลุ่มแดงหลังตู้เย็น

ดาวน์โหลด pdf creator : Discount Cordless Screwdriver : Online Condom Store : Strathwood Chair Shop