ผู้สนับสนุน

วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ความจริงจากปากชาวบ้านตกเป็นเหยื่อกระสุนบอกถูก"ทหารยิง"




ชาวบ้าน 3 คนที่ถูกลูกหลงในเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารส่งกำลังเข้ากระชับพื้นที่
การ ชุมนุมของจากกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 บอกเล่านาที
ถูกกระสุน พุ่งเข้าใส่จนต้องหามส่งโรงพยาบาล
 1 รายสูญเสียตามองไม่เห็นทั้งสองข้างกระสุนยังคาอยู่ใต้ตา
อีกรายหนึ่งรอด มาจากกระสุนถล่มยิงวัดปทุมวนารามเล่านาทีหลบอยู่ใต้ท้องรถกระสุนเข้าที่หลัง และมือ และ
รายสุดท้ายรอดชีวิตมาได้หวุดหวิดจากกระสุนที่ทะลุกะโหลกคน ข้างๆมาปักที่ต้นคอเฉียดเส้นเลือด


ที่ชั้น 9 โรงพยาบาลกลางในห้องพักผู้ป่วยชายมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์กระชับ พื้นที่เข้ารักษาตัว 4 ราย
ชายวัย 40 ปี  นายกิตติชัย แข็งขัน ชาวขอนแก่นถูกเข็นไปล้างแผลตั้งแต่บ่ายโมงกลับมาอีกทีตอนบ่าย 4 โมง
ด้วย สภาพอิดโรยบอกกับผู้สื่อข่าวว่าเหนื่อยหน้ามืดคุยไม่ไหวแต่ยังแข็งใจตอบคำ ถาม


นายกิตติชัย แข็งขัน



"ผมพูดในสิ่งที่ตัวเองประสบมาเห็นมากับตาถ้าไม่ เห็นแบบนี้ก็พูดไม่ได้" คำตอบจากนายนายกิตติชัย
ในฐานะชาวบ้านคนหนึ่ง ไม่ใช่ผู้มาร่วมชุมนุมแต่มาทำงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)
ช่วยหลาน เดินสายไฟฟ้าใน สตช.
แต่จะแวะเวียนไปร่วมกินข้าวกับผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ชาวขอนแก่นในฐานะคนบ้านเดียวกันไม่คิดว่าจะถูกยิงปางตายเช่นนี้


นาย กิตติชัย นอนซมอยู่บนเตียงคนป่วยโดยมีผ้าพันแผลติดอยู่ที่ด้านหลังเหนือเอวขึ้นมา
และ บริเวณมือขวา มีสายน้ำเกลือโยงไปที่แขน นอนหายใจเหนื่อยหอบอยู่บนเตียงท่าทางอิดโรยนอนหงายไม่ได้
เล่าถึงนาทีที่ ถูกยิงบาดเจ็บว่า ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบ 1 ทุ่ม หลังจากที่ผมออกมาจาก สตช.
เพื่อ ไปหาผู้ชุมนุมชาวขอนแก่นตามปกติเพราะคิดว่าแกนนำได้มอบตัวหมดแล้ว จึงคิดว่าเหตุการณ์น่าจะสงบแล้ว
แต่พอไปถึงถูกไล่มาเรื่อยๆจากแยกศาลา แดงมาจนถึงแยกราชประสงค์ การ์ดเสื้อแดงบอกให้วิ่งเข้าไปหลบในวัด
จะ ปลอดภัยที่สุดผู้คนแตกกระจายวิ่งหลบเข้าไปในวัดปทุมบ้าง สตช.บ้าง


"ผม มาจากทางศาลาแดงมาเป็นกลุ่มสุดท้ายพอดีกับเวทีสลายหมดแล้ว การ์ดก็ให้วิ่งเข้าไปในวัด
พอไปถึงผมก็พักผ่อนนอนเล่นกันอยู่ตั้งนานถึง ได้ยินเสียงปืนดังมาอีก จึงเข้าไปหลบใต้ท้องรถ
ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบ 1 ทุ่ม เขายืนอยู่บนทางรถไฟฟ้ายิงเข้ามาในวัดต่างคนต่างหลบกัน
ผมโดนยิง ข้างหลังกับมือ พวกเราไปหลบอยู่ใต้ท้องรถ 5-6 คน 


ตอนที่ผมโดน ยิงทหารก็ให้ออกมาจากใต้ท้องรถ เขายิงมาจากบนสะพานรถไฟฟ้า ผงกหัวขึ้นไม่ได้เลย
พอโดนลูกปืน มันร้องให้ออกมา แต่ไม่มีใครออกไป พอผมโดนยิง ผมบอกว่ายอมแล้วๆมันก็ยิงใส่มืออีก
มันโกหกบอกให้ออกมายิง แต่ผมไม่ไหวแล้วเลือดออกเยอะ พอออกมามันบอกให้ผมถอดเสื้อออกแล้วยกมือขึ้น
แล้ว วิ่งไป ผมก็วิ่งไปหาพยาบาลทำแผลให้ ผมยืนหันหน้าเห็นทหารเขาเล็งมาใส่ผม แต่ตอนนั้นเขาไม่ยิงใส่แล้ว
เพราะเห็นว่าผมถูกยิง บอกให้ถอดเสื้อ ยกมือขึ้น ผมก็ยกมือขึ้นสองข้างแล้วก็วิ่งไปเลย" 
นายกิตติชัยกล่าวและ ยืนยันอีกครั้งว่า


"ผมเห็นเขายิงผมยืนยันไม่มีใครหรอกนอกจาก ทหารใส่ชุดพรางใส่หมวกเขาก็ตะโกนให้ผมออก
ผมก็ตะโกนออกแล้วครับ ผมก็บอกยอมแล้วครับเห็นยืนเล็งใส่ผมอยู่ ถ้ามันยิงตอนผมถอดเสื้อคงตายแล้ว
แต่ มันก็บอกให้ผมวิ่ง ผมก็วิ่งไปหาพยาบาลไปอ่อนแรงตรงนั้น พอทำแผลใกล้เสร็จห้ามเลือด
เขาก็ยิงมาใส่หลายนัด โดนฝรั่งที่กำลังถ่ายรูปผมอยู่ จากนั้นผมก็สลบไปเลย"


นายกิตติ ชัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า
"ผมนอนเจ็บอยู่หลายชั่วโมงทหารไม่ให้ออกมา ไม่ให้รถพยาบาลเข้าไปเอาออกมาด้วย
ผมสลบอยู่หลายรอบเพราะเสียเลือด มากกว่าจะมาถึงโรงพยาบาล 5 ทุ่มแล้วถูกยิงตั้งแต่ 6 โมง
พยาบาลที่ไปนำ ตัวผมออกมาจากในวัดต้องหามออกมาใส่รถด้านนอกเพราะไม่ให้เอารถเข้าไปรับ"


นาย กิตติชัย กล่าวอีกว่า
เพื่อนที่หมอบอยู่ใต้ท้องรถด้วยกันมาเยี่ยมบอกว่า มีคนที่แอบอยู่ใต้ท้องรถด้วยกันถูกยิงเสียชีวิต
และยิงมาจากสะพานรถไฟ ฟ้า  มีคนไม่น้อยๆไปหลบในวัดประมาณ 4-5 พันคน
บางคนวิ่งไปที่โรงพยาบาล ตำรวจบางคนวิ่งเข้าไปหลบในวัด
ก็นึกว่ารอดแล้วแต่ก็ยังโดนจนได้ในวัดที่ คิดว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว


"เสียใจกับผู้ชุมนุมเหมือนกันคงจะเจ็บ เหมือนกัน ขนาดผมโดนแค่นี้ยังเจ็บ
คนที่ไม่ไหวเขาคงโดนหนักกว่าผม สลบในวัด 2-3 รอบกว่าจะมาถึงนี่" นายกิตติชัยกล่าว


นายเสกสิทธิ์ ช้างทอง



ทางด้านนายเสกสิทธิ์  ช้างทอง อายุ 28 ปี มีอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้างประจำอยู่แถวโพผธิ์สามต้น
มีคนจ้างให้มา ส่งที่พรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 19 พ.ค. เวลาประมาณ 10.00 น. 
ถูกกระสุน ปืนยิงเข้าที่ใต้ตาซ้ายทะลุตาขวาตัดเส้นประสาททำให้ตาบอดทั้งสองข้าง
เล่า นาทีก่อนทุกอย่างรอบกายจะมืดสนิทว่า


"เสียงปืนดังไม่หยุด ยิงมาเป็นชุดๆ  ต้นไม้ กิ่งไหม้ข้างถนนปลิว กิ่งไม้ร่วง
เห็นว่ายิงมา จากทางยกระดับจากข้างบน แค่นั้นก็กลัวแล้ว  นั่งอยู่กับที่ จังหวะนั้นก็หันซ้ายหันขวาหาทางหนี
แต่ก็ไม่ทันกระสุนกระแทกเข้าตา พยายามลืมตาอีกข้างแต่ลืมไม่ได้
หลังจากนั้นก็ลืมไม่ได้อีกเลย ลืมได้ก็มองไม่เห็น จึงยกมือบอกให้ช่วยและนำมาส่งที่โรงพยาบาล" 


นาย เสกสิทธิ์ กล่าวถึงเหตุการณ์วันนั้นทีไรยังผวาจนถึงทุกวันนี้ว่า
เสียง ปืนสนั่นรอบด้านเป็นอะไรที่ผวาได้ทุกวันนี้ ได้ยินเสียงของหล่นตอนกลางคืนนอนหลับอยู่
ลุกขึ้นมานั่งได้ง่ายๆ 1-2 วันแรกเป็นแบบนั้นแต่ตอนนี้ดีขึ้น


"จังหวะที่ประชาชนขนยางมาทำ เป็นบังเกอร์ทหารจึงเริ่มยิงสนั่นหวั่นไหว เป็นภาพที่ติดตาจนถึงตอนนี้"
นาย เสกสิทธิ์ย้ำอีกครั้ง


"หมอบอกว่า โดนยิงที่ตาข้างซ้ายไปตุงที่ตาข้างขวา ทำลายเส้นประสาทตาทั้งสองข้างมองไม่เห็น"
นายเสกสิทธิ์บอกเล่าอย่างสิ้น หวังก่อนจะเล่าต่อถึงสาเหตุที่ต้องสูญเสียดวงตา


"ตรงนั้นมีคนมา มุงเยอะ ผมก็จอดดูแล้วก็มีเสียงปืนดังเป็นชุดๆ แล้วก็มาเข้าที่หน้าผม 1 นัด ดังมาจากทางฝั่งทหาร
เพราะตอนที่ผมส่งลูกค้าก็เข้าไปข้างในพื้นที่ ชุมนุมไม่ได้ คนก็มาออกันอยู่ตรงนั้น
เผชิญหน้ากับทหารมีประชาชนมาเยอะ เต็มสองฝั่งเหมือนปิดถนน มีประชาชนโห่ไล่ทหาร
มีคนกลุ่มหนึ่งเอายางมา กั้นทำเป็นบังเกอร์ จากนั้น
ทหารยิงปืนขึ้นฟ้าไปตกตรงไหนไม่รู้แต่มาตก ใส่ตาผมนัดหนึ่งกระสุนมาจากทางทหาร"
นายเสกสิทธิ์กล่าวยืนยันวิถีกระสุน ที่พุ่งเข้ามาทำลายประสาทตา 



แม้นายเสกสิทธิ์ ต้องสูญเสียดวงตาทั้งสองข้างไปเขายังหวังจะกลับมามองเห็นอีกครั้ง
เพื่อ ทำมาหากินเลี้ยงลูกและเมียได้ตามเดิม เพราะเขาคือหัวหน้าครอบครัวที่ขับรถรับจ้างเพื่อแลกเงิน
แต่ตอนนี้ทำไม่ ได้แล้วเขายังคงเป็นห่วงลูกชายที่เพิ่งจะเข้าเรียนชั้น ป.1 
และบ้านที่ ผ่อนไปได้แค่เดือนแรก แล้วลูกกับเมียจะทำอย่างไรต่อไปหากเขาต้องมาสูญเสียดวงตาไป 


"ผม ก็มั่นใจว่าผมจะมองเห็นอีกครั้งลูกเมียผมกำลังรออยู่ ขอให้ผมหายเหมือนเดิม
ขอ ให้ไปหาเงินผ่อนบ้านเลี้ยงลูกเหมือนเดิม ถ้าผมไม่หายขอให้ลูกเมียผมได้อยู่อย่างที่ผมหวังไว้เท่านั้นเอง"
เสียง ความหวังปนกับคำร้องขอจากนายเสกสิทธิ์ที่เขาเองก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ไปดีกว่า การให้กำลังใจตนเอง
แม้หมอจะบอกว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะมองเห็นหากผ่าก็ อันตรายเสี่ยงที่จะติดเชื้อและน็อคไปเลย ทางที่ดีที่สุดคือ
ปล่อยไว้ อย่างนี้ดีกว่า


ความช่วยเหลือที่เป็นความหวังเดียวจากชายตาบอด ผู้นี้คือ
หวังจะเข้าไปขอความช่วยเหลือจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่ง ชาติหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว
อย่างน้อยก็ช่วยให้ลูกชายได้เรียนต่อ และภรรยาของเขาได้มีที่พักอาศัย ส่วนตัวเขาเองก็ก้มหน้ารับอยู่ในโลกมืดต่อไป


"ที่ไปไม่คิดว่าจะ เจอกับตัวเอง ไม่ได้ตั้งใจจะโดนกับตัวเอง แต่จะไปหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว
แต่ ชะตากรรมมันเลี่ยงไม่ได้ "


นายภัสพล ไชยพงษ์




นายภัสพล ไชยพงษ์  อายุ 40 ปี พ่อค้าใส่เสื้อสีดำเข้าไปขายของในพื้นที่ชุมนุม
กลายเป็นอาสาสมัครขับรถ มอเตอร์ไซต์เปิดทางส่งคนเจ็บไปรักษาพยาบาล
เล่านาทีรอดชีวิตหวิดหวิด จากกระสุนปืนไม่ทราบทิศทาง
พุ่งมาเจาะกะโหลกคนข้างๆล้มทับกระสุนทะลุเข้า ที่ต้นคอของเขา
และกระสุนนัดนั้นต้องอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตเพราะแพทย์ไม่ แนะนำให้ผ่าออก
เนื่องจากมันเฉียดกับเส้นเลือดดำไปนิดเดียว


"ผม ขับมอไซต์เอาของไปเก็บไม่ได้ขายของวันนั้นไปเก็บที่สยาม แล้ว
จังหวะนั้น มีคนโดนยิงมูลนิธิขออาสาให้ผมขับรถเปิดทางขับไปช่วยคนเจ็บได้ 3 เที่ยว
กำลัง ยืนคุยกันอยู่สักพักมีเสียงเปรียะดังขึ้น ผู้ชายคนหนึ่งโดนยิงหัวทะลุท้ายทอยมาล้มทับผม
กระสุนทะลุมาเจาะคอผมต่อ ไม่ทราบว่าใครยิงเห็นทหารกับรถถังอยู่ลิบๆ ที่เข้ามาทางโรงพยาบาลจุฬาฯ
ตอน นั้นได้ยินแต่เสียงกระสุนมากระทบหนังเรา ชาไปหมด พอคลำดูมีเลือดไหลออกมาจึงรู้ว่าถูกยิง"
 

©2010 กลุ่มแดงหลังตู้เย็น

ดาวน์โหลด pdf creator : Discount Cordless Screwdriver : Online Condom Store : Strathwood Chair Shop