ผู้สนับสนุน

วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

The Last of the Red Shirts ผู้หญิงเสื้อแดงคนสุดท้าย....ที่โดดเดี่ยวบนประเทศไทย


ผู้หญิงที่โดดเดี่ยวที่สุดในประเทศไทย นั่งอยู่หน้าเวทีประท้วงของเสื้อแดงกลางกรุงเทพฯ เธอสวมเสื้อยืดสีแดงและผ้ามัดหัวสีแดง ในมือยังมีธงแดงอยู่

ผุสดี งามขำ อยู่ที่นี่มา 43 วันแล้ว เธอนอนอยู่บนเสื่อผืนบางๆ ขณะที่มีสรรพเสียงของเมืองอยู่รายล้อม มีชีวิตอยู่ด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและสุขาที่ยากจะอธิบายสภาพมัน มีอยู่อย่างเดียวที่เปลี่ยนไปคือ ตอนนี้เธออยู่คนเดียวแล้ว

สอง ชั่วโมงที่แล้ว ในจุดนี้มีการร้องเพลงสลับปราศรัยกันอย่างว้าวุ่น กับการแสดงความโกรธต่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นความโกรธที่ชอบธรรม (righteous anger) มันยังคงเป็นสถานที่ที่มีความกลัว รถหุ้มเกราะและทหารจากกองทัพไทยมุ่งตรงเข้าหาเสื้อแดง ห่างออกไปไม่กี่ไมล์

คน ไทยหลายคนคาดว่าคงมีการสังหารหมู่ (massacre) ที่ร้ายแรงกว่าที่เกิดขึ้นในเดือนที่แล้ว (เม.ย.) ที่มีผู้เสียชีวิต 25 ราย หรือไม่เช่นนั้น กองทัพก็อาจจะแค่เคลื่อนขบวนไปหยุดใกล้ที่ชุมนุมเพื่อกดดันณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเจรจา

มีอยู่ไม่กี่คนหรืออาจไม่มีเลยที่คิดว่า บนเวทีหลังจากนั้นจะมีการแถลงว่า แกนนำได้มอบตัว และการชุมนุมตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาจบลง

"ทันทีที่แกนนำบอกพวกเขาให้ออกจากพื้นที่ พวกเขาก็ออกไปหมดภายใน 10 นาที" ผุสดีกล่าว เธอเป็นนางพยาบาลอายุ 45 ปีที่ยังไม่ได้แต่งงาน "มันไม่ถูกเลย เพราะพวกเราสู้เพื่อประชาธิปไตย"

ขณะ ที่ผู้ชุมนุมอื่นๆ อีกหลายพันคนหลอมรวมตัวเองไปตามฝูงชนในเมือง หรือไม่ก็หลบภัยอยู่ในวัดใกล้ๆ ผุสดี กลายเป็น 'เสื้อแดงคนสุดท้าย' (the Last of the Red Shirts)

"ฉันทำตามสัญญา ฉันสัญญาว่าจะไม่ออกจากพื้นที่ไปจนกว่าพวกเขาจะยุบสภา แล้วพวกเราก็จะได้มีการเลือกตั้ง" เธอกล่าว ท่ามกลางสิ่งรายล้อมคือเก้าอี้ เสื่อ ลำโพงและเครื่องครัวที่ถูกคนทิ้งร้างไว้

"ถ้าพวกเขาไม่ยุบสภา ฉันก็จะยังไม่ออกไป ไม่มีประเทศไหนหรอกที่จะได้รับประชาธิปไตยมาเพียงแค่จากการร้องขอ พวกคุณต้องสู้เพื่อให้ได้มันมา" แล้วเธอจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน? "จนกว่าทหารจะเข้ามาที่นี่" เธอตอบ "และยิงฉัน"

ความคิดนี้ไม่ใช่ ความคิดที่ชวนให้เห็นพ้องเท่าไหร่ เพราะตลอดเช้าที่ผ่านมา กองทัพทหารไทยยิงประชาชนทุกคนที่ขวางทาง ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ พอถึงช่วงเย็นวันนั้น เสื้อแดง ผู้ที่ตอนนี้เปรียบเสมือนฮูลิแกนผู้โกรธแค้นและไร้ผู้นำก็เริ่มจุดไฟเผา อาคาร แสดงภาพให้เห็นว่า รัฐไทยมีการใช้กำลังต่อหน้าสายตาชาวโลก แต่จนกระทั่งก่อนถึงช่วงเที่ยงในวันเดียวกันนั้น ก็เหมือนเช่น 4 วันก่อนหน้านี้คือ มีทหารติดอาวุธปืนกลสังหารและทำร้ายผู้คนที่มีอาวุธ ซึ่งอาวุธที่ว่าส่วนใหญ่แล้วคือไม้, ก้อนหิน, ระเบิดขวด และประทัด เท่านั้น

มี ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ผมเจอเมื่อวันอาทิตย์ (16) ปีนขึ้นไปบนรถหุ้มเกราะซึ่งเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมากในเขตเสื้อแดง พยายามโชว์ให้ผมเห็นถึงสิ่งที่เขาจะใช้ต่อสู้ เป็นลูกธนูทำมือ 3 ดอก ทำจากไม้ไผ่เหลาและปลายธนูที่เป็นขนนก แต่ปัญหาคือ เขาไม่มีคันธนูจะยิ่งมัน

แต่ เขากลับต้องการใช้มันยิงใส่ หากขบวนเจ้าหน้าที่ที่มีชุดเกราะเคลื่อนเข้ามา ด้วยเครื่องยิงขนาดเล็ก (small catapult) นี่คือคนที่รัฐบาลตราหน้าว่าเป็น 'ผู้ก่อการร้าย' แม้ว่าพวกเขาจะหน้าตาเหมือนตัวการ์ตูนเรื่อง 'แบช สตรีท คิดส์' [1] มากกว่า โอซามา บิน ลาเดน ก็ตาม

มีผู้ต้านรัฐบาลบางกลุ่ม ที่ที่มีอาวุธ พวกเขาถูกเรียกว่า 'เสื้อดำ' ทหารฮาร์ดคอร์ผู้พยายามหลบเลี่ยงสายตาผู้สื่อข่าวต่างชาติ หรือหลบกระทั่งเสื้อแดง ในช่วงเที่ยงวานนี้ (19) พวกเขามาตรึงกำลังอยู่ที่สถานีรถไฟลอยฟ้าแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ผมเห็นว่า พวกเขามีปืนกลลำหนึ่ง เพื่อนผมบอกว่ามีสอง รวมถึงมีปืนพกด้วย คนที่เหมือนนินจาพวกนี้ยังได้วิ่งไปพร้อมกับของในห่อที่อาจจะเป็นเครื่องยิง ลูกระเบิดหรือไม่ใช่ก็ได้

สิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งเดียวกันกับที่ใช้ สังหารนายทหารระดับสูงที่นำขบวนโจมตีเสื้อแดงหรือไม่ก็ได้ แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ อิทธิพลของทหารกองโจรดูมีความสำคัญขึ้นมา ตั้งแต่การเริ่มปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแต่วันพฤหัสบดีสัปดาห์ก่อน (13) มีทหารรายเดียวเท่านั้นที่ถูกสังหาร คือเจ้าหน้าที่ทหารอากาศที่ถูกยิงโดยเพื่อนทหารอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ผู้ เสียชีวิตที่เหลือ ราว 50 ราย รวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบทั้งหมด เป็นพลเรือน

มีบางคนที่เป็น 'เสื้อดำ' ที่วิ่งเข้ายิงทหารหลังแผงกั้นอย่างไม่กลัวตาย แต่คนอื่น ๆ ก็เป็นประชาชนคนไทยทั่วไปแบบผมนี่แหละ เป็นคนที่คอยหลบอยุ่ตามท้องถนนอย่างเป็นกังวลต่อกระสุนที่ถูกยิงมา ไม่สามารถแม้แต่มองเห็นทหารที่กำลังยิงปืนกลเนื่องจากมีควันจากแนวกั้นลอย บังอยู่

บนท้องถนนนั้น เดาทางไม่ได้เลยว่า กระสุนจะมาจากทางไหน เหยื่อที่ถูกยิงถูกหามออกไปในทุก ๆ ชั่วโมง โดยหน่วยพยาบาลผู้กล้าที่รถพยาบาลส่งเสียงไซเรนกรีดร้องแล่นเข้าแล่นออก สมรภูมิสังหาร

ในทุก ๆ เช้า คนก็ต้องคอยจินตนาการกันไปว่า จะเกิดอะไรขึ้นเวลาที่เขาไปถึงเวทีหลัก ที่มีผุสดีและเพื่อนของเธอคอยอยู่ แม้จะสั่น ๆ บ้าง แต่ถือว่าได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว

หลายสัปดาห์ ที่ผ่านมา ผู้ปราศรัยอย่างณัฐวุฒิ เน้นย้ำถึงความสูงส่งของข้อเรียกร้องของพวกเขา และให้ความสำคัญจนต้องปกป้องด้วยชีวิต ข้อเรียกร้องก็ตรงไปตรงมา คือการที่ให้อภิสิทธิ์ผู้ที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นนายกฯ และเข้าสู่ตำแหน่งด้วยวิธีการทางอ้อมจากการรัฐประหาร ออกจากตำแหน่งและมีการเลือกตั้งใหม่

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผุสดีรู้สึกว่าเธอโดนหลอก "ทุกคนพร้อมจะสละชีวิตอยู่แล้ว" ผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ พร บอกกับผมขณะหลบภัยอยู่ในวัด "แกนนำเลือกสละเสรีภาพของตัวเองเพื่อรักษาชีวิตของพวกเราไว้"

และไม่ ต้องสงสัยเลยว่า ส่วนหนึ่งของเสื้อแดงที่ยังอายุไม่มาก มีความเป็นนักเลงกว่าก็พากันวิ่งไปเผาธนาคาร ตลาดหุ้น และสถานีโทรทัศน์ที่พวกเขาบอกว่าอยู่ข้างรัฐบาล การทำลายล้างเช่นนี้ไม่สามารถหาอะไรมาอ้างได้ แต่ว่าความขัดแย้งนี้ก็ไม่เคยมีอะไรถูกหรือผิดชัดเจน

บางทีแล้ว เราอาจต้องยินดีด้วยซ้ำที่มันไม่ได้นองเลือดเลวร้ายไปกว่านี้ และอย่างเลวที่สุดที่ผุสดีได้เจอ คือความรู้สึกผิดหวัง สำหรับอภิสิทธิ์ ที่ดูเป็นคนสุภาพแล้วนี่คือชัยชนะ แต่ก็เป็นชัยชนะที่คนอย่างเขาต้องรู้สึกอับอาย
 

©2010 กลุ่มแดงหลังตู้เย็น

ดาวน์โหลด pdf creator : Discount Cordless Screwdriver : Online Condom Store : Strathwood Chair Shop