ถามว่าเอาไป ทำไมหลายเล่มนัก ตอบว่า จะเอาไปฝากพรรคพวก มาซื้อหนังสือ เอาเงินมาให้แท้ๆ แต่ก่อนจาก คนซื้อยังขอบคุณข่าวสดที่ทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ที่โทร.มาขอบคุณก็ยังมีอีกมาก
ถ้อยคำจากการพูดคุยระหว่างคนอ่านกับ คน ทำหนังสือพิมพ์ วนเวียนอยู่กับคำว่า "ความจริง" และ "ความเป็นธรรม" และยังมีน้ำใจห่วงใยต่อไปอีกว่าเสนอข่าวอย่างนี้ ทำหนังสือออกมาอย่างนี้ ถูกข่มขู่หรือยัง ถูกคุกคามหรือไม่
โทรศัพท์จากต่างจังหวัดหลายสาย ส่งเสียงตกอกตกใจมาว่า ได้ข่าวว่าจะโดนปิด หนังสือโดนเก็บ ฯลฯ ก็ชี้แจงกันไปว่า ถึงขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์อย่างนั้น
ทำให้ต้อง คิดว่า สิ่งที่สังคมและผู้คนต้องการขณะนี้ ไม่ใช่อื่นใด นอกจาก "ความจริง" และ "ความเป็นธรรม" และผลต่อเนื่องที่ตามมาจาก "ความจริง" และ "ความเป็นธรรม" ก็คือการข่มขู่คุกคาม
ทำไมในรัฐบาลที่ตอกย้ำเช้าค่ำ ถึง "นิติรัฐ" แต่ความจริงและความเป็นธรรม กลายเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์ไปได้ ใครอยากได้ต้องไขว่คว้าหาเอาเอง ขณะที่การข่มขู่คุก คามหรือไล่ล่า ก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น อาจเกิดหรือไม่เกิดกับใครก็ได้
ที่จริง การอำนวยให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรม และการคุ้มครองไม่ให้พลเมืองของตนเองถูกข่มขู่คุกคามเป็นหน้าที่โดยตรงของ รัฐ
รัฐจะทำร้ายหรือแก้แค้นประชาชนได้มีไม่กี่เรื่อง ทุกเรื่องต้องเป็นไปตามกฎหมาย แต่การใช้กฎหมายพิเศษเพื่อทำร้ายประชาชนก็ใช่ว่า
จะได้รับการยอมรับ สังคมนี้คงจะอยู่อย่างเป็นสุขไม่ได้
ถ้ารัฐบาลไม่มอบความจริงและความ เป็นธรรมให้ประชาชน คนที่ยังเคียด แค้นคาใจ ย่อมรอเวลาลุกขึ้นทวงถาม หรือแม้แต่แก้แค้น
ดูกันง่ายๆ เลือกตั้งซ่อมเขต 6 ครั้งนี้ จะเหลือพื้นที่ให้นายกฯ และคนของรัฐบาลเดินหาเสียงได้กี่ชุมชน
แล้ว เลือกตั้งใหญ่จะมิมืดมน ยิ่งกว่านี้
หรือต้องออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาคุมอีกสิบฉบับหรืออย่างไร
ทั้งหมดนี้ เพราะหวาดกลัวในพลังของ
"ความ จริง" และ "ความเป็นธรรม"
เท่านั้นเอง
