เหตุผล หนึ่งที่รัฐบาลยังคงกอด พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ยอมปล่อย ก็เพื่อจะได้ใช้อำนาจทำอะไรก็ได้ตามปรารถนา ว่ากันตามอำเภอใจ
อย่าง ล่าสุด การจับกุมนายสุรชัย เทวรัตน์ หรือ หรั่ง ซึ่งอ้างว่าเป็นคนสนิทเสธ.แดง เป็นมือยิงเอ็ม 79 ระบุว่า ยิงทั้ง สน.ลุมพินี ยิงโน่นยิงนี่ 8-9 คดี
*นั่ง ดูข่าวมาหลายวัน ดูการแถลงของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่พูดข้างเดียว*
ขอ ถามคำถามเดียว ตามประสาประชาชนที่ไม่ได้กินแกลบ ตามประสาคนทำงานด้านข่าว ที่ทุกอย่างต้องขึ้นกับพยานหลักฐาน
ขอถามว่า หลักฐานในการจับกุมนายหรั่งคืออะไร
ดูมาหลายวันแล้ว ไม่มีหลักฐานแม้แต่ขี้เล็บ!!
ที่ไปกล่าวหาเขาเป็นตุเป็นตะ ยิงโน่นยิงนี่ แต่ไม่เคยเห็นว่าตำรวจนครบาลที่ไปจับกุม หรือดีเอสไอที่ควบคุมตัวดำเนินคดีอยู่ในขณะนี้ มีหลักฐานอะไรมารองรับ
ที แรกก็ออกข่าวเสมือนหนึ่งว่า ยอมรับสารภาพแล้ว ซัดทอดเสธ.แดงเสียด้วย
จน ลูก เสธ.แดง ต้องออกมาเตือนสติผู้ใหญ่ใจดำทั้งหลายว่า คนตายพูดไม่ได้ อย่ามาใส่ร้ายโยนบาปให้
*เมื่อนักข่าวไปถามนายหรั่งด้วยตัว เอง เขาก็ปฏิเสธว่าไม่เคยรับสารภาพ!!*
ฟังอย่างนี้แล้วต้อง ถือว่าเป็น กระบวนการยัดเยียดข้อหาและสร้างกระแสป้ายสีอย่างเลวร้าย
นี่ ไงคือ ตัวอย่างของการใช้อำนาจครอบจักรวาล ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะจับใครก็ได้ ตั้งข้อหารุนแรงอะไรก็ได้
จนต้องถามว่า แล้วอะไรคือหลักฐานที่ใช้กล่าวหาเขารุนแรงขนาดนี้
ในยุครัฐบาลไหน ถ้ามีการใช้อำนาจพิเศษ มาจับกุมคุมขังผู้คนโดยไม่มีพยานหลักฐานมารองรับ เยี่ยงกระบวนการยุติธรรมที่เป็นมาตรฐาน
เราต้องไม่ยอมรับ ต้องไม่ปล่อยให้ใช้อำนาจคุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชนอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้
แล้ว รัฐบาลต้องไม่ลืมว่า แม้จะมี พ.ร.ก.อำนาจล้นฟ้าทำอะไรตามใจชอบก็ได้ แต่ก็ยังมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดอยู่ มีมาตราที่คุ้มครองสิทธิผู้ต้องหาอย่างชัดเจน
ถึงขณะนี้ก็มีพยานหลัก ฐานชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่รัฐ ได้ละเมิดสิทธิของผู้ต้องหารายนี้อย่างโจ่งแจ้ง
เช่น คนระดับอธิบดีแถลงข่าว พูดเอาเองว่าเขาได้กระทำผิด 8-9 คดีต่อสาธารณะ ทั้งที่ขณะแถลง ไม่มีพยานหลักฐานแม้แต่ชิ้นเดียว
การแถลงข่าวอย่าง เป็นทางการของเจ้าหน้าที่รัฐ ยังโมเมเอาเองว่าผู้ต้องหายอมรับสารภาพ ถือว่าบิดเบือนความจริง
*ถ้าไม่ตายอย่างลึกลับเสียก่อน หรือถ้าไม่ยอมรับสารภาพเพราะทนเจ็บปวดไม่ไหว*
คดีนี้ถึงศาลเมื่อไร ได้สู้กันสนุก แค่เอาคำแถลงของดีเอสไอในวันนี้มาแสดงในศาล ก็บอกได้แล้วว่า
จับ กุมอย่างมิชอบตั้งแต่ต้น!