ผู้สนับสนุน

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ปฏิรูป ประเทศไทย(ให้ล้าหลัง) โดยเครือข่ายอำมาตย์

นายอานันท์ ปันยารชุณ และนายประเวศ วะสี ได้นำพา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) สภาองค์กรชุมชน คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน เครือข่ายพลเมือง สภาพัฒนาการเมือง ฯลฯ และสื่ออย่างTPBS ร่วมกัน “ปฏิรูปประเทศไทย”

องค์กรต่างๆเหล่านี้ล้วนไม่สนับสนุนให้ยุบสภาและ ได้ออกมาเคลื่อนไหวปฏิรูปประเทศไทยนำร่องให้พันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตย องค์กรนำของพวกเขาไปก่อนแล้วและสอดประสานกันอย่างลงตัว

โดย เนื้อแท้แล้วพวกเขาเหล่านั้นไม่ยอมรับหลักการประชาธิปไตยแม้เพียงพื้นฐาน ที่ทุกคนเท่ากันในการเลือกผู้ปกครองผู้บริหารประเทศแบบหนึ่งสิทธิ์หนึ่ง เสียง และพวกเขานิยมระบอบอำมาตยาธิปไตยนั่นเอง และพวกเขาหลายคนชอบเข้าสมัครสมาชิกวุฒิสภา องค์กรอิสระต่างๆแบบแต่งตั้งจากอำมาตย์มากกว่าการเลือกตั้งจากประชาชนอยู่ เป็นประจำ

การปฏิรูปประเทศไทยขอเครือข่ายอำมาตย์เหล่านี้ ย่อมนำสู่สังคมไทยล้าหลังถอยหลังเข้าคลองและบิดเบือนการปฏิรูปประเทศอย่าง ที่ควรจะเป็น เนื่องจากว่ามีเหตุผลอย่างน้อย 9 ประการ คือ

ประการ แรก การปฏิรูปประเทศไทย ที่สำคัญคือการปฏิรูประบบราชการ กลไกราชการส่วนต่างๆ โดยเฉพาะกองทัพ ซึ่งล้วนเป็นจักรกลของระบอบอำมาตย์ทั้งสิ้นที่คอยขัดขวางการพัฒนา ประชาธิปไตยให้ก้าวหน้า เช่น การรัฐประหาร การแทรกแซงทางการเมือง และมีระดับขั้นในการบังคับบัญชาโดยสมาชิกพื้นฐานเช่น ข้าราชการชั้นผู้น้อยไม่มีส่วนร่วมแต่อย่างใด รวมทั้งภาคสังคมตรวจสอบถ่วงดุลไม่ได้ ก่อให้เกิดการคอรัปชั่นดั่งกรณี GT 200 ตลอดทั้งใช้งบประมาณมากขึ้นของกองทัพในรอบ 18 ปี หลังจากรัฐประหาร 19 กันยายน 49

ประการที่สอง การปฏิรูปประเทศไทย ปฏิเสธไม่ได้ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 ด้วยไม่เพียงต้องสร้างนโยบายและกฎหมาย เนื่องจากเป็นรัฐธรรมนูญที่ล้าหลังขัดขวางการพัฒนาประชาธิปไตยในหลายมาตรา การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยต้องลดอำนาจนอกระบบ เช่น ให้อำนาจกับกระบวนการตุลาการมากเกินไปโดยไม่ได้เชื่อมโยงกับประชาชนแต่อย่าง ใด สมาชิกวุฒิสภามาจากการแต่งตั้งถึง 74 คน ฯลฯ และต้องเพิ่มพื้นที่ประชาธิปไตยให้มากขึ้น เช่น การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด การมีระบบศาลลูกขุน การให้สิทธิคนงานเลือกตั้งผู้แทนทุกระดับในสถานที่ประกอบการ ฯลฯ

ประการ ที่สาม การปฏิรูปประเทศไทยนั้น ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม (เหมือนสูตรที่นายประเวศท่องจำตลอดเวลา แต่กลับไม่นำมาใช้มาปฏิบัติ) ซึ่งต้องมีกระบวนการจากล่างสู่บนเหมือนเช่นกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ 40 ต้องมีการระดมความคิดเห็นจากภาคส่วนสาขาอาชีพต่างๆ มิใช่เพียงภาคประชาชน ภาคประชาสังคม เพียงน้อยนิดของนายประเวศและNGO อำมาตย์ทั้งหลายเท่านั้น

ประการ ที่สี่ การปฏิรูปประเทศไทยนั้น ต้องนำสู่ความเป็นธรรม ความเสมอภาค ไม่เพียงแต่ทางการเมืองเท่านั้นต้องสร้างความเป็นธรรมเศรษฐกิจสังคมด้วยเช่น กัน เช่น ต้องมีการปฏิรูปที่ดิน กระจายการถือครองที่ดินทั้งในเมืองและชนบท ซึ่งในหลายประเทศที่จริงได้ เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น ไต้หวัน เวเนซูเอล่า จีน ฯลฯส่วนหนึ่งก็เพราะว่าอำนาจทางการเมืองของกลุ่มอำมาตย์ได้ลดลงอย่างเห็นได้ ชัด

ประการที่ห้า การปฏิรูปประเทศนั้น ต้องมีการปฏิรูประบบภาษีให้ก้าวหน้า ไม่ใช่เก็บภาษีล้าหลังเอาเปรียบคนส่วนใหญ่ในประเทศปัจจุบัน โดยผ่านภาษีบริโภค โดยไม่มีภาษีที่ดิน ภาษีมรดกเหมือนนโยบายที่สำคัญของคณะราษฎรที่นำโดย ปรีดี พนมยงค์ และมาตรการภาษีที่ก้าวหน้าต้องใช้ได้กับทุกคนไม่มีอภิสิทธิ์ชนคนใดมีข้อยก เว้น ซึ่งเป็นการกระจายรายได้ให้สังคม เพื่อสร้างรัฐสวัสดิการให้ทุกคนเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานของชีวิตจากครรภ์มารดา สู่เชิงตะกอนได้อย่างเท่าเทียม ถ้วนหน้า

ประการที่หก การปฏิรูปประเทศไทยท่ามกลางวิกฤตการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องปฏิรูปอำนาจรวมศูนย์ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติด้วย เช่น กรมป่าไม้ กรมที่ดิน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน ฯลฯ เพื่อให้ชุมชนและภาคสังคมต่างๆมีส่วนร่วมตรวจสอบถ่วงดุลย์และเป็นการไม่เปิด ช่องให้นายทุนอภิสิทธิ์ชน ครอบครองทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างง่ายดาย เช่นกรณี เขายายเที่ยง เขาสอยดาว เป็นต้น ขณะที่ประชาชนผู้ยากไร้อาศัยอยู่ในป่ากลับถูกกฎหมายที่ไม่มีความยุติธรรมจับ กุมคุมขัง

ประการที่เจ็ด การปฏิรูปประเทศไทยนั้น ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมายให้มีความยุติธรรม เท่าเทียมกันไม่ใช่ระบบสองมาตราฐานอย่างที่เห็นและเป็นอยู่

ประการ ที่แปด การปฏิรูปประเทศไทยนั้น ต้องปฏิรูปความคิดจิตสำนึกให้คนในสังคมไทยรักประชาธิปไตย เคารพกติกาประชาธิปไตย เคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง โดยไม่มีความเกลียดชังกัน ซึ่งต้องปฏิรูประบบการศึกษาและสื่อสารมวลชนด้วย

ประการ ที่เก้า การปฏิรูปประเทศไทย จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน ยุบสภา คืนอำนาจอธิปไตยให้กับประชาชน และคืนเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นให้กับประชาชน ก่อนที่ความขัดแย้งจะลุกลามมากขึ้น และเมื่อหลายกลุ่มมีความคิดเห็นต่างกัน โดยกติกาประชาธิปไตยแล้ว ต้องคืนอำนาจอธิปไตยให้ประชาชน ให้พรรคการเมืองซึ่งเป็นพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยหาเสียงสร้างนโยบายว่าจะ ปฏิรูปประเทศไทย จะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร เพื่อให้ประชาชน เจ้าของเสียงสวรรค์อันแท้จริงได้พิจารณาเลือก

ดังนั้นการปฏิรูป ประเทศไทย ของนายประเวศ วะสี นายอานันท์ ปันยารชุณ รัฐบาลอภิสิทธิ์และเครือข่ายอำมาตย์จึงเป็นเพียงกระบวนการขัดขวางการพัฒนา ประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ขึ้นเท่านั้น และบทเรียนประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ก็บอกให้รับรู้ได้ว่าการปฏิรูปตามแนวทางอำมาตย์ทั้งหลาย ย่อมนำพาสังคมไทยสู่ความล้าหลังและดำรงอภิสิทธิ์ชนไว้ในสังคม

มากกว่า นำสู่ความเสมอภาคเท่าเทียมและเป็นประชาธิปไตย
 

©2010 กลุ่มแดงหลังตู้เย็น

ดาวน์โหลด pdf creator : Discount Cordless Screwdriver : Online Condom Store : Strathwood Chair Shop