'ก่อแก้ว' เขียนจดหมายถึงนายกฯ ชี้แผนปรองดองฯไร้ผล เหตุเพราะรัฐไม่เปิดโอกาสคุยกับคนเสื้อแดงที่เป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง
ทีมงานของ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัครลงรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 6 ของพรรคเพื่อไทยได้นำจดหมายที่เขียนโดยลายมือ นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช.หรือกลุ่มคนเสื้อแดง และกำลังถูกควบคุมตัวในข้อหาผู้ก่อการร้ายที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ วันที่ 12 ก.ค.2553 โดยเขียนถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคณะ เรื่อง แผนปรองดองแห่งชาติ ซึ่งมีเนื้อความว่าผมเฝ้าติดตามการแก้ปัญหาวิกฤตทางสังคมของรัฐบาลแล้วไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นเวลากว่า 50 วัน แล้วนับจากวันสลายการชุมนุมที่ราชประสงค์ด้วยวิธีการที่ไร้ไมตรี ถือว่าเป็นการประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างสิ้นเชิงระหว่างรัฐบาล ซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มคนเสื้อเหลืองกับผู้ชุมนุมเสื้อแดง
วิกฤตทางสังคมครั้งรุนแรงที่สุดครั้งนี้ เป็นความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างฝ่ายเสื้อเหลือง กับฝ่ายเสื้อแดง แต่ผมแปลกใจที่รัฐบาลเสนอแผนปรองดอง โดยไม่มีการพูดคุยกับฝ่ายเสื้อแดงซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง แล้วจะปรองดองกับใคร? จะปรองดองได้อย่างไร? แล้วจะคลี่คลายวิกฤติทางสังคมได้อย่างไร?
ผมเชื่อว่า คนไทยทุกสีเสื้อ ไม่ว่าเหลือง แดง น้ำเงิน หรือสีใดๆ ล้วนแต่เป็นคนไทยที่เราไม่สามารถขจัด หรือผลักไสไล่ส่งไปที่ใดได้ เพราะพวกเขาทุกคนก็เป็นเจ้าของประเทศนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น เราต้องรับฟังและหาจุดร่วมในการดำรงอยู่ด้วยกัน ด้วยความสงบสุข ด้วยน้ำใจมิตรไมตรี ที่ครั้งหนึ่งคนไทยเคยมีเหลือเฟือ
รัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ในการแก้ปัญหาของชาติ ควรจะดำเนินการคลี่คลายปัญหาวิกฤติทางสังคมครั้งนี้ด้วย ความจริงใจ เปิดกว้าง และสร้างสรรค์
“จริงใจ” คือ มีเจตนาที่จะแก้ปัญหานี้อย่างแท้จริง “เปิดกว้าง” คือ เปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มที่มีส่วนร่วมในความขัดแย้งมาพูดคุยหาทางออกร่วมกัน “สร้างสรรค์”คือ การร่วมมือหาทางออกด้วยความเข้าอกเข้าใจกัน มิใช่ด่าทอโจมตีกันไปมา
ผมขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล ให้ทบทวนวิธีการแก้ปัญหาที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ 50 วันที่ผ่านมา ประเทศไทยเสียเวลา โดยไม่ทำให้สถานการณ์ของประเทศดีขึ้น อย่าให้ประเทศต้องสูญเสียเวลาไปเปล่าๆ อีกเลย หลังจากที่สูญเสียหลายต่อหลายอย่างมามากแล้ว
อนึ่ง ผมถูกคุมขังสูญสิ้นอิสรภาพในสถานที่แคบๆ แต่ดูเหมือนจิตใจของคนที่อยู่ข้างในไม่ได้แคบตาม ณ เรือนจำคลองเปรมมีป้ายเตือนใจไว้ว่า “อาฆาต บรรลัย อภัย หมดเวร” ผมหวังว่าจะช่วยสะกิดใจคนไทยทุกสีที่อยู่ในโลกกว้างได้บ้างไม่มากก็น้อย